หน้าแรก วัตถุมงคล

ร้านวรันณ์ธรจำหน่ายพระเครื่อง เหล็กน้ำพี้ ดาบเหล็กน้ำพี้ มีดเหล็กน้ำพี้ มีดหมอเหล็กน้ำพี้ เหล็กไหล เหล็กไหล7สี ไหลดำ ไหลเขียว ของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ
ของเสน่ห์เขมร แก้วขนเหล็ก แก้วโป่งข่าม เพชรหน้าทั่ง ไม้งิ้วดำ ไม้พญางิ้วดำ ไม้กลายเป็นหิน ข้าวตอกพระร่วง พระเหล็กน้ำพี้ พระแร่เหล็กน้ำพี้ และเครื่องรางของขลังอีกมากมาย
รับสาย เช้า 8.00น.-17.30น.รับสายช่วงเช้า-เย็นโทร
087-7399336 , 089-8608818 , 087-8452061
รับสาย เย็น 17.30น. - 20.00 น. รับสายเฉพาะช่วงเย็นเบอร์นี้ โทร
084-8038208 คุณภัส One2call

ไอดีไลน์ @line55  คลิกปุ่ม เพิ่มเพื่อน

แจกฟรี พระเครื่อง พระสมเด็จนางพญา รุ่น9มวลสาร ดูรายละเอียด



@line55

หลวงปู่ทวด หน้าตัก 9 นิ้ว แบบที่1

 
หลวงปู่ทวด
หน้าตัก 9 นิ้ว แบบที่ 1
หล่อจากแร่น้ำพี้แร่ศักดิ์สิทธิ์ จ.อุตรดิตถ์
 
หลวงปู่ทวดสีแร่ธรรมชาติ(สีน้ำตาล) องค์ละ 2,500 บาท
สูงจากฐาน 12 นิ้ว  ความกว้างจากฐาน  10 นิ้ว

 หลวงปู่ทวดทำสีทองสีทองคำเกรด A
บูชาองค์ละ 2,900 บาท
 

 
 ประวัติหลวงปู่ทวด (ย่อ)
หลวงปู่ทวดเป็นบุตรของนายหูขาว มารดาชื่อว่า นางจันทร์ เกิดเมื่อ ปีมะโรง (งูใหญ่) เดือน ๔ วันศุกร์ พ.ศ. ๒๑๒๕ ที่บ้านสวนจันทร์ ปัจจุบันคือ ต.ชุมพล อ.จะทิ้งพระ(สทิงพระ)จ.สงขลา เวลาเกิดตอนเช้าเวลาตี ๕.๓๕ นาที  หลวงปู่ทวดอุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาในเดือน ๖ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปี พ.ศ. ๒๑๔๕ เวลาก่อนพระอาทิตย์ขึ้นและได้ฉายาว่า "สามีราโม ภิกขุ" เมื่อบวชอยู่ในบวรพระพุทธศาสนาแล้ว หลวงปู่ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนที่วัดเสมาเมือง ๔ พรรษาจนเจนจบในพระธรรมบทต่างๆและออกเดินทางเพื่อไปศึกษาพระธรรมต่อที่กรุงอโยธยาเมื่อวันที่ ๕ ขึ้น ๑๓ ค่ำ ปี พ.ศ.๒๑๕๐  หลวงปู่ได้ไปศึกษาเล่าเรียนที่วัด “ราชานุวาส” ในเมืองอโยธยา เป็นระยะเวลา ๕ ปีนับได้ว่ามีความรู้แตกฉานในพระธรรมวินัย ตลอดถึงคาถาอาคมต่างๆและได้สร้างคุนูปาการแก่เมืองอโยธยาจนได้รับการแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็น “พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์” เมื่ออายุย่างเข้าสู่วัยชราจึงได้ออกเดินธุดงค์เพื่อเผยแพร่หลักธรรมจนถึงวัดพะโคะและได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้ขึ้นมาใหม่ เมื่อพระพุทธศาสนาได้ตั้งมั่นคงดีแล้วหลวงปู่ก็ออกเดินธุดงค์จนถึงเมืองไทรบุรีเพื่อเผยแพร่คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กับชาวบ้านในถิ่นนั้นๆเพื่อให้ชาวบ้านอยู่ในศีลในธรรม รู้จักบาปบุญคุณโทษ  และได้ทำการสร้างและบูรณะวัด "โกนะไหน" ขึ้นมาเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนในละแวกนั้น หลวงปู่ทวดได้ละสังขารเมื่อเดือน ๕ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปี พ.ศ. ๒๒๑๕ อายุได้ ๙๐ ปีเต็ม
 
ปาฎิหาริย์เหยียบน้ำทะเลจืด       
                   เมื่อครั้งที่หลวงปู่ได้เรียนจบชั้นธรรมบทที่วัดเสมาเมืองแล้วก็ได้ขอโดยสารเรือสำเภาของนายอินทร์ลงเรือที่ท่าเมืองจะทิ้งพระจะไปกรุงอโยธยาพระนครหลวงเพื่อศึกษาเล่าเรียนธรรมเพิ่มเติมอีก เรือสำเภาใช้ใบแล่นถึงเมืองนครศรีธรรมราช นายอินทร์เจ้าของเรือได้นิมนต์ขึ้นบกไปนมัสการพระบรมธาตุตามประเพณีชาวเรือเดินทางไกลซึ่งได้ปฏิบัติกันมาแต่กาลก่อน ๆ เพื่อขอความสวัสดีต่อการเดินทางทางทะเลแล้วพากันลงเรือสำเภาที่คลองท่าแพ เรือสำเภาใช้ใบสู่ทะเลหลวงเรียบร้อยตลอดมาเป็นระยะทาง ๓ วัน ๓ คืน วันหนึ่งท้องทะเลฟ้าวิปริตเกิดพายุ ฝนตกมืดฟ้ามัวดินคลื่นคะนองอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เรือจะแล่นต่อไปก็ไม่ได้ จึงลดใบทอดสมอสู้คลื่นลมอยู่ถึง ๓ วัน ๓ คืน จนพายุสงบเงียบลงเป็นปกติ แต่เหตุการณ์บนเรือสำเภาเกิดความเดือดร้อนมากเพราะน้ำจืดที่ลำเลียงมาหมดลง คนเรือไม่มีน้ำจืดดื่มและหุงต้มอาหาร นายอินทร์เจ้าของเรือเป็นเดือดเป็นแค้นในเหตุการณ์ครั้งนั้นหาว่าเป็นเพราะหลวงปู่ทวดได้อาศัยมากับเรือจนเป็นเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์วิปริต ซึ่งตนไม่เคยประสบเช่นนี้มาก่อน จึงบันดาลโทสะจึงไล่ให้หลวงปู่ลงจากเรือสำเภา หมายจะปล่อยให้ท่านไปตามยะถากรรม ขณะที่หลวงปู่ทวดกำลังลงนั่งอยู่ในเรือเล็กท่านได้เสี่ยงอธิษฐานบารมี หากว่าท่านจะได้เดินทางไปศึกษาพระธรรมต่อที่กรุงอโยธยาก็ขอให้น้ำทะเลที่ท่านเหยียบลงไปจืด เมื่อท่านอธิษฐานเสร็จแล้วท่านก็ยื่นเท้าลงเหยียบน้ำทะเลแล้วบอกให้ลูกเรือลองตักน้ำขึ้นดื่มกินดู ปรากฏว่าน้ำทะเลที่เค็มจัดตรงนั้นแปรสภาพเป็นน้ำที่มีรสจืดสนิท ลูกเรือคนนั้นจึงร้องบอกขึ้นไปบนเรือใหญ่ให้เพื่อนทราบ พวกกะลาสีบนเรือใหญ่จึงพากันตักน้ำทะเลตรงนั้นขึ้นไปดื่มแก้กระหาย เป็นที่อัศจรรย์ในอภินิหารของพระภิกษุหนุ่มยิ่งนัก ความทราบถึงนายอินทร์เจ้าของเรือจึงได้ดื่มน้ำพิสูจน์ดูปรากฏว่าน้ำทะเลที่จืดนั้นมีบริเวณอยู่จำกัดเป็นวงกลมประมาณเท่าล้อเกวียนนอกนั้นเป็นน้ำเค็มตามธรรมชาติของทะเลจึงสั่งให้ลูกเรือตักน้ำในบริเวณนั้นขึ้นบรรจุภาชนะไว้บนเรือจนเต็ม นายอินทร์และลูกเรือได้ประจักษ์ในอภินิหารของท่านก็เกิดความหวาดวิตกภัยพิบัติที่ตนได้กระทำไว้ต่อท่าน จึงได้นิมนต์ให้ท่านขึ้นบนเรือใหญ่แล้วพากันกราบไหว้ขอขมาโทษตามที่ตนได้กล่าวคำล่วงเกินต่อท่าน แล้วจึงถอนสมอเรือออกเดินทางมุ่งหน้าสู่กรุงอโยธยาด้วยความปลอดภัย
 
 แก้ปริศนาธรรมกู้บ้านเมือง          
                   ในสมัยนั้นประเทศลังกาอันมีพระเจ้าวัฏฏะคามินีครองราชเป็นเจ้าแผ่นดินมีพระประสงค์จะได้กรุงอโยธยาไว้ใต้พระบรมเดชานุภาพ แต่พระองค์ไม่มีประสงค์จะก่อสงครามให้เกิดการรบราฆ่าฟันกันให้ประชาชนข้าแผ่นดินเดือดร้อนจึงมีนโยบายอย่างหนึ่งที่สามารถจะเอาชนะประเทศอื่นโดยการท้าพนัน พระองค์จึงตรัสสั่งให้พนักงานพระคลังเบิกจ่ายทองคำในท้องพระคลังหลวงมอบให้แก่นายช่างทองไปจัดการหลอมหล่อเป็นตัวอักษรเท่าใบมะขามจำนวน ๘๔,๐๐๐ เมล็ด แล้วมอบให้แก่พราหมณ์ผู้เฒ่า ๗ คน พร้อมด้วยข้าวของอันมีค่าบรรทุกลงเรือสำเภา ๗ ลำ พร้อมด้วยพระราชสาสน์ให้แก่พราหมณ์ทั้ง ๗ นำลงเรือสำเภาใช้ใบแล่นไปยังกรุงอโยธยา เมื่อเรือสำเภาจอดท่ากรุงอโยธยาเรียบร้อยแล้ว พราหมณ์ทั้ง ๗ ได้พากันเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้ากรุงไทยและถวายสาสน์        
                   สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงไทยทรงอ่านพระราชสาสน์นความว่า พระเจ้ากรุงลังกาขอท้าพระเจ้ากรุงไทยให้ทรงแปลพระธรรมในเมล็ดทองคำและเรียบเรียงลำดับให้เสร็จภายใน ๗ วัน ถ้าแปลและเรียบเรียงได้ทันกำหนดพระเจ้ากรุงลังกาขอถวายข้าวของอันมีค่าทั้ง ๗ ลำเรือสำเภาเป็นบรรณาการแก่พระเจ้ากรุงไทย แต่ถ้าพระเจ้ากรุงไทยแปลเรียงเมล็ดทองคำไม่ได้ตามกำหนดให้พระเจ้ากรุงไทยจัดการถวายดอกไม้เงินและทองส่งเป็นราชบรรณาการแก่กรุงลังกาทุก ๆ ปีตลอดไป        
                    เมื่อพระองค์ทรงทราบพระราชสาสน์อันมีข้อความดังนั้น จึงทรงจัดสั่งนายศรีธนญชัยสังฆการีเขียนประกาศนิมนต์พระราชาคณะและพระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงคุณวุฒิทั่วประเทศให้เข้ามาแปลธรรมในพระมหานครทันกำหนด เมื่อประกาศไปแล้ว ๖ วัน ก็ไม่มีใครสามารถแปลเรียบเรียงเมล็ดทองคำนั้นได้ พระองค์ทรงปริวิตกยิ่งนักและในคืนวันนั้นพระองค์ทรงสุบินนิมิตว่ามีพระยาช้างเผือกผู้มาจากทิศตะวันตกขึ้นยืนอยู่บนพระแท่นในพระบรมมหาราชวังได้เปล่งเสียงร้องก้องดังได้ยินไปทั่วทั้งสี่ทิศ ทรงตกพระทัยตื่นบรรทมในยามนั้นและทรงพระปริวิตกในพระสุบินนิมิตเกรงว่าประเทศชาติจะเสียอธิปไตยและเสื่อมเสียพระบรมเดชานุภาพทรงพระวิตกกังวลไม่เป็นอันบรรทมจนรุ่งสาง  เมื่อได้เสด็จออกยังท้องพระโรงสั่งให้โหรหลวงเข้าเฝ้าโดยด่วนและทรงเล่าสุบินนิมิตให้โหรหลวงทำนายเพื่อจะได้ทรงทราบว่าร้ายดีประการใด เมื่อโหรหลวงทั้งคณะได้พิจารณาดูยามในพระสุบินนิมิตนั้นละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว ก็พร้อมกันกราบถวายบังคมทูลว่าตามพระสุบินนิมิตนี้จะมีพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งมาจากทิศตะวันตกอาสาเรียงและแปลพระธรรมได้สำเร็จ พระบรมเดชานุภาพของพระองค์จะยั่งยืนแผ่ไพศาลไปทั่วทั้งสี่ทิศเมื่อพระองค์ทรงทราบแล้วก็คลายพระปริวิตกลงได้บ้าง      
                    ด้วยเดชะบุญบันดาลในเช้าวันนั้นบังเอิญศรีธนญชัยไปพบหลวงปู่ทวดที่วัดราชานุวาส ได้สนทนาปราศรัยกันแล้วก็ทราบว่าท่านมาจากเมืองตะลุง ( พัทลุงเวลานี้ ) เพื่อศึกษาธรรม ศรีธนญชัยเล่าเรื่องกรุงลังกาท้าพนันให้แปลธรรม แล้วถามว่าท่านยังจะช่วยแปลได้หรือ หลวงปู่ทวดตอบว่าถ้าไม่ลองก็ไม่รู้ ศรีธนญชัยจึงนิมนต์ท่านเข้าเฝ้า ณ ที่ประชุมสงฆ์ ขณะที่หลวงปู่ทวดถึงประตูหน้าวิหาร ท่านย่างก้าวขึ้นไปยืนเหยียบบนก้อนหินศิลาแลง ทันทีนั้นศิลาแลงได้หักออกเป็นสองท่อนด้วยอำนาจอภินิหารเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก เมื่อเข้าไปในพระวิหารพระมหากษัตริย์ตรัสสั่งพนักงานปูพรมให้ท่านนั่งในที่อันสมควร แต่ก่อนที่ท่านจะเข้านั่งที่แปลพระธรรมนั้นท่านได้แสดงกิริยาอาการเป็นปัญหาธรรมต่อหน้าพราหมณ์ทั้ง ๗ กล่าวคือ ท่าแรกท่านนอนลงในท่าสีหะไสยาสน์ แล้วลุกขึ้นนั่งทรงกายตรงแล้วกระเถิบไปข้างหน้า ๕ ที แล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปนั่งในที่อันสมควร พราหมณ์ผู้เฒ่าทั้ง ๗ เห็นท่านแสดงกิริยาเช่นนั้นเป็นการขบขันก็พากันหัวเราะและพูดว่า นี่หรือพระภิกษุที่จะแปลธรรมของพระบรมศาสดา อะไรจึงแสดงกิริยาอย่างเด็กไร้เดียงสา พราหมณ์พูดดูหมิ่นท่านหลายครั้ง ท่านจึงหัวเราะ แล้วถามพราหมณ์ว่า
                   "ประเทศชาติบ้านเกิดเมืองนอนของท่าน ท่านไม่เคยพบเห็นกิริยาเช่นนี้บ้างหรือ ?"
                     พราหมณ์เฒ่าฉงนใจก็นิ่งอยู่ ต่างนำบาตรใส่เมล็ดทองคำเข้าประเคนท่านทันที  เมื่อหลวงปู่ทวดรับประเคนบาตรจากมือพราหมณ์มาแล้วท่านก็นั่งสงบจิตอธิษฐานแต่ในใจว่า "ขอบารมีแห่งพุทธะ คุณบิดามารดาครูบาอาจารย์และอำนาจผลบุญกุศลที่ได้สร้างมาแต่ปางก่อนและอำนาจเทพยดาอันรักษาพระนครตลอดถึงเทวาอารักษ์ศักดิ์สิทธ์ทั้งหลาย ครั้งนี้อาตมาจะแปลพระธรรมช่วยกู้บ้านกู้เมือง ขอให้ช่วยดลบัลดาลจิตใจให้สว่างแจ้งขจัดอุปสรรคที่มาขัดขวางขอให้แปลพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์สำเร็จสมปรารถนาเถิด"
                     ครั้นแล้วท่านคว่ำบาตเททองเรี่ยราดลงบนพรม ด้วยพุทธานุภาพและอำนาจบารมีอภินิหารของท่านที่ได้จุติลงมาโปรดสัตว์ในพระพุทธศาสนาประกอบกับโชคชะตาของประเทศชาติที่จะไม่เสื่อมเสียอธิปไตย ท่านก็ได้ลงมือเรียบเรียงและแปลอักษรในเมล็ดทองคำจำนวน ๘๔,๐๐๐ เมล็ด เป็นลำดับโดยสะดวกและไม่ติดขัดประการใดเลย  ขณะที่หลวงปู่ทวดเรียงและแปลอักษรไปได้มากแล้วปรากฏว่าเมล็ดทองคำตัวอักษรขาดหายไป ๗ ตัว คือตัว สัง วิ ทา ปุ กะ ยะ ปะ ท่านจึงทวงถามเอาอักษรทองคำที่พราหมณ์ซ่อนไว้ในมวยผม พราหมณ์ทั้ง ๗ คนยอมจำนน จึงประเคนเมล็ดทองคำที่ตนซ่อนไว้นั้นให้แก่ท่านโดยดี ปรากฏว่าหลวงปู่ทวดแปลพระไตรปิฎกในเมล็ดทองคำสำเร็จบริบูรณ์ เป็นการชนะพราหมณ์ในเวลาเย็นของวันนั้น
                     สมเด็จพระเจ้ากรุงไทยทรงพระโสมนัสยินดีเป็นที่ยิ่งจึงตรัสสั่งถวายราชสมบัติให้หลวงปู่ทวดครอง ๗ วัน แต่ท่านไม่ยอมรับโดยให้เหตุผลว่าท่านเป็นสมณเพศไม่สมควรที่จะครองราชสมบัติอันผิดกิจของสมณควรประพฤติ พระองค์ก็จนพระทัยแต่พระประสงค์อันแรงกล้าที่จะสนองคุณความดีความชอบอันใหญ่ยิ่งให้แก่ท่านในครั้งนี้จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าทรงแต่งตั้งให้ดำรงสมณศักดิ์ ทรงพระราชทานนามว่า "พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์" ในเวลานั้น
คาถาบูชาหลวงปู่ทวดนะโม 3 จบ แล้วท่อง นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติ ภะคะวา  ๓ จบ
 
บูชาหลวงปู่ทวด หน้าตัก 9 นิ้ว แบบที่1 ของร้านวรันณ์ธรนี้ สร้างจากมวลสาร 9 อย่าง ของขลังหายากมีให้บูชาที่ร้านวรันณ์ธร แห่งเดียวใน จ.อุตรดิตถ์

1. หินเพชรเงินทองนาค
ความเชื่อให้โชคลาภร่ำรวยเงินทอง

2. ไม้พญางิ้วดำ
ความเชื่อเด่นทางด้านมหาอุดคงกระพัน
คลาดแคล้วโชคลาภเมตตามหานิยมป้องกันคุณไสย์มนต์ดำ
3. ไม้กลายเป็นหิน ความเชื่อ มีตบะเดชะทางด้านอำนาจ แคล้วคลาด
ปลอดภัย ความเมตตา และโชคลาภ
4. เพชรหน้าทั่ง ความเชื่อให้โชคลาภเด่นทางค้าขายป้องกันภัยต่างๆ
5. แก้วโป่งข่าม ความเชื่อป้องกันภัยคุณไสย์มนต์ดำเปลี่ยนจากสิ่งร้ายกลายเป็นดี
6. แร่ดูดทรัพย์ ความเชื่อดูดโชคลาภทรัพย์สินเงินทองความร่ำรวยมาให้แก่ผู้ครอบครอง
7. ไหลดำไหลเขียว ความเชื่อพลิกจากร้ายกลายเป็นดีความเจริญมั่นคงก้าวหน้า
ดูดพิษแมลงได้ แก้ของร้อนเป็นสิริมงคลแก่ผู้ครอบครอง
8. รังปลวกกลายเป็นหิน ความเชื่อให้คุณทางด้านสะสมทรัพย์สินเงินทองให้พอกพูนขึ้น
9. แร่เหล็กน้ำพี้ ความเชื่อล้างอาถรรพ์ป้องกันภูตผีปีศาจมนต์ดำต่างๆ
 

สีใด โปรดระบุ คลิกที่นี่



@line55