หน้าแรก
ร้านวรันณ์ธรจำหน่ายพระเครื่อง เหล็กน้ำพี้ ดาบเหล็กน้ำพี้ มีดเหล็กน้ำพี้ มีดหมอเหล็กน้ำพี้ เหล็กไหล เหล็กไหล7สี ไหลดำ ไหลเขียว ของเสน่ห์ ของเสน่ห์แรงๆ
ของเสน่ห์เขมร แก้วขนเหล็ก แก้วโป่งข่าม เพชรหน้าทั่ง ไม้งิ้วดำ ไม้พญางิ้วดำ ไม้กลายเป็นหิน ข้าวตอกพระร่วง พระเหล็กน้ำพี้ พระแร่เหล็กน้ำพี้ และเครื่องรางของขลังอีกมากมาย
รับสาย 8.00น. - 20.00 น. โทร
084-8038208 คุณภัส
รับสาย
เช้า 9.00น.-16.00น.เช้า-เย็นโทร
087-7399336 , 089-8608818 , 087-8452061
สนใจสั่งทางไลน์ไอดี @line55  (มี@ด้วย) สนใจสั่งทางไลน์ คลิกที่นี่ >>> http://line.me/ti/p/%40line55



@line55

พระปิดตา รุ่น เมตตา โชคลาภ มหาอุตม์ พุทธาภิเษก4พ.ย.60

พระปิดตา
พระปิดตา รุ่น เมตตา โชคลาภ มหาอุตม์ พุทธาภิเษก4พ.ย.60 วัดเขาลังพัฒนา อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี
 
พระปิดตา ความเชื่อ พุทธคุณทางด้าน เมตตามหานิยม และโชคลาภ คงกระพันมหาอุตม์ เมตตาค้าขาย เสริมสิริมงคลแก่ผู้บูชา ด้านหลัง ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์มีความเชื่อว่าใช้ในทาง ให้เกิดโชคลาภ เมตตามหานิยม ค้าง่ายขายคล่อง และป้องกันภัยกันผี นิยมเจิมบ้าน ร้านอาคาร รถ ต่างๆหากมีอยู่กับตัว จะส่งผลพลังทุกๆด้านทั้งโชคลาภเมตตามหานิยมค้าขายคล่องป้องกันภัยกันผีแก่ตัวผู้ห้อยบูชา

------------------
พระปิดตา แบบที่1

ราคาบูชาต่อองค์ 299 บาท 
ลดเหลือ  250  บาท 
อัดกรอบพลาสติกกันน้ำ 299 บาท

พระปั้มมวลสารแบบลงรัก สีขาวคือรักน้ำเกลี้ยง , สีน้ำตาลคือรักดำทำเก่า  , สีดำคือรักดำทำเก่า  
องค์พระบรรจุมวลสารมากถึง 70 เปอร์เซนต์ต่อองค์ เป็นพระรุ่นที่เน้นมวลสารที่ดีมากที่สุด อกพระบรรจุพระบรมธาตุรวมสันฐานบรรจุเพิ่มให้ฟรี  ราคาบูชาต่อองค์ 299 บาท

ด้านหน้า พระปิดตา  ด้านหลังยันต์

เทียบขนาดพระปิดตา
 
พระปิดตาแบบเลี่ยมกรอบ + ค่าเลี่ยมกรอบ 70 บาท


ประวัติพระปิดตา คาถา และวิธีบูชา   เลื่อนดูด้านล่างสุดหน้านี้
------------------
พระปิดตา แบบที่ 2 พระปิดตาเนื้อทองเหลืองอัดกรอบกันน้ำ 

  

ราคาบูชาองค์ละ 159 บาท
------------------
พระปิดตา แบบที่ 3 พระปิดตา จี้ห้อยคอ


ราคาบูชาองค์ละ  139  บาท
------------------
พระปิดตา แบบที่ 4 พระปิดตา จี้ห้อยคอ


ราคาบูชาองค์ละ 139 บาท

------------------
พระปิดตา แบบที่ 5 พระปิดตา จี้ห้อยคอ



ราคาบูชาองค์ละ 129 บาท
------------------
แจกฟรี
ผู้สั่งบูชาพระเครื่อง ซึ่งมีกว่า 32 พิมพ์ รุ่น พุทธาภิเษก 4 พ.ย.60 วัดเขาลังพัฒนา อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี พิมพ์ใดก็ได้ ทุก 2 องค์ จะได้รับฟรี หลวงปู่ทวด ทรงพญานาคแร่เหล็กน้ำพี้ผสมมวลสารศักดิ์สิทธิ์ ฟรี1องค์  เลือกที่นี่มีวัตถุมงคลพิมพ์อะไรบ้าง 
ดูพระรุ่นนี้ทั้งหมดทุกพิมพ์ กดดูที่นี่ >>> https://utdid.com/amulet/0001081.html

หลวงปู่ทวดทรงพญานาค
  
------------------

  สนใจสั่งทางไลน์ไอดี @line55  (มี@ด้วย)

หรือคลิกสั่งทางไลน์ ที่นี่ >>>  http://line.me/ti/p/%40line55


ดูโปรโมชั่นสั่งวัตถุมงคลได้ที่  คลิกที่นี่
------------------
พุทธาภิเษก 4 พ.ย.60 
วัดเขาลังพัฒนา อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี
ร้านวรันณ์ธร จ.อุตรดิตถ์ เป็นเจ้าภาพ ในงานพุทธาภิเษก
                        
ภาพล่างสุด เจ้าของร้านวรันณ์ธร และญาติเจ้าของร้าน

------------------

มวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้เป็นมวลสาร

มวลสารที่ใช้สร้างองค์พระ องค์เทพ บรรจุในองค์พระองค์เทพ

1. พระบรมสารีริกธาตุ  รวมสันฐาน   (บรรจุไว้ที่อกพระ และอกเทพ)

มวลสารที่ใช้สร้างพระผง เป็นมวลสารเน้นด้านพุทธคุณที่ดีที่สุด

มวลสารหินพระธาตุ   (จำนวนมวลสาร 360 ก.ก.)
เขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  นำหินพระธาตุทุกถ้ำมาบดเป็น มวลสารมากที่สุด (จำนวนมวลสาร 360 ก.ก.)  หินพระธาตุ พระปัจเจกพระพุทธเจ้า (เขาสามร้อยยอด)  ความเชื่อตามสีของหินพระธาตุ...คตหิน หรือไข่ในหินทุกสี หรือที่นิยมเรียกว่าหินพระธาตุนั้นจะเป็นชั้นๆ เมื่อผ่าออกภายในจะมีลักษณะเป็นวงซ้อนกัน คล้ายกับพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ทรงกลด จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ตามธรรมชาติ มีอิทธฤทธิ์พลังฤทธิ์ โดยไม่ต้องผ่านพิธีกรรมทางศาสนา คดหินสามร้อยยอดเป็นหินที่สะสมพลังงานธรรมชาติ จากพระอาทิตย์ พระจันทร์ ทะเล ขุนเขา และฟ้า ดิน นานนับล้านปีๆ และช่วยให้ผู้สักการะบูชาได้รับคุณประโยชน์ต่างๆ ตามลักษณะสีของคดฝังอยู่ในหินดังนี้
1) หินพระธาตุออกวรรณะสีแดง
มีพลังพิเศษทางด้านเสริมสร้างอำนาจบารมี ความเจริญรุ่งเรือง ทางเดช ทางฤทธิ์ มหาอำนาจ คุ้มครองผองภัย เป็นหินที่เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีบริวาร มีศรี มีอำนาจ จะมีเดชา นุภาพ ไปที่ไหนใครก็ย่ำเกรง สีแดงของหิน ย่อมหมายถึงสรรพมงคล ทำให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง เหมาะสำหรับ นายทหาร ตำรวจ ผู้บริหาร ผู้นำต่างๆ เจ้าของธุรกิจ ฯ
2) หินพระธาตุออกวรรณะสีน้ำผึ้ง
มีพลังพิเศษทางด้านความคุ้มครองสูง ความเมตตาพรหมวิหาร ร่มเย็นเป็นสุข เป็นที่รักใคร่ ของคนทั่วไป ความโดดเด่นอยู่ที่พลังอำนาจในการสร้างความมั่นคงให้กับจิตใจ สร้างความมั่นคงให้กับ ธุรกิจการงานของคุณ เหมาะกับเจ้าของธุรกิจทั้งหลาย มีไว้หนุนกิจการไม่ให้สั่นคอน
3) หินพระธาตุออกวรรณะสีขาว
เป็นหินพระธาตุที่มีบารมีธรรมสูงส่งมาก ให้พลังด้านบวกสูง ให้จิตสงบ ร่มเย็นเป็นสุข เย็นใจ มีความเจริญในธรรม มีความก้าวหน้าในสมาธิภาวนา มีพลังแห่งความเมตตาสูง ความพิเศษอยู่ที่พลังบารมีธรรมในตัวหิน ทำให้ผู้ที่มีหินสีขาวไว้บูชา เกิดความเย็นใจ ใจเป็นสมาธิได้เร็ว เจริญเมตตาพรหมวิหารได้ดี เหมาะแก่ผู้ที่ปฏิบัติธรรม ชอบสวดมนต์ หรือนั่งสมาธิ
4) หินพระธาตุออกวรรณะสีดำ
ถือว่าเป็นหินพระธาตุที่มีเหล็กไหล(ละอองเหล็กไหล)เป็นส่วนประกอบอยู่ ดูเข้มขลัง มีพลังวิเศษทางด้านคุ้มครอง คงกะพัน เป็นมหาอุต  และยังช่วยในเรื่องบำบัดโรคภัย ไข้เจ็บได้ดี ป้องกันคุณไสยต่างๆได้ดีมากๆ ใครมีไว้นับว่าเป็นโชควาสนา บารมีของผู้นั้น
5) หินพระธาตุออกวรรณะสีน้ำตาล
เป็นหินที่ให้พลังอำนาจความเชื่อมั่น ทำให้สุขุมรอบคอบ มีความกล้าหาญภายในจิตใจ กล้าที่จะตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง เสริมสร้างทางด้านสุขภาพได้ดี เพราะมีพลังในการบำบัดสูง เหมาะสำหรับ นักแสดง นักพูด ผู้ทีใช้วาทะเป็นประจำ ผู้ขายของ แม่ค้าและผู้ที่เจ็บป่วยบ่อยๆ

บทความนี้คัดลอกจากหนังสือธรรมปกิณกะ เล่ม 1 ที่เขียนขึ้นจากคำบอกเล่าของพระครูพัฒนกิจจานุรักษ์ หรือ หลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา (ครูบาวงศ์) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน 

ข้อมูลหินพระธาตุเขาสามร้อยยอดเพิ่มเติม มีให้บูชาด้วย กดดูที่นี่ https://utdid.com/amulet/0000993.html

หินพระธาตุ เขาสามร้อยยอดทุกถ้ำ ใช้มวลสารหินพระธาตุทุกถ้ำเขาสามร้อยยอดมากถึง 360 กิโลกรัม จัดหามาได้ทุกถ้ำ มากถึง 19 ถ้ำครบหินพระธาตุ มีพลังมากพุทธคุณครบทุกด้าน  60 เปอร์เซนต์ในองค์พระเป็นหินพระธาตุเขาสามร้อยยอด

ภาพล่างจากซ้ายไปขวา 1. ถ้ำมะทราง  2. ถ้ำโลหิต  3.ถ้ำจุฬามณี  4. ถ้ำสาริกา


ภาพล่างจากซ้ายไปขวา   5.ถ้ำพระโมคคัลลานะ  6.ถ้ำแม่ย่า   7. ถ้ำหินเหล็กไฟ   8.ถ้ำเศรษฐี

ภาพล่างจากซ้ายไปขวา  9. ถ้ำฤาษี   10.ถ้ำแก้ว   11.ถ้ำขุมทรัพย์ 12.ถ้ำสามสี 


ภาพล่างจากซ้ายไปขวา   13. ถ้ำขาว  14. ถ้ำวิว  15. ถ้ำทิดหมาน  16.ถ้ำเขาพระ 


ภาพล่างจากซ้ายไปขวา  17.ถ้ำพุน้อย 18. ถ้ำมังกร   19. ถ้ำลานเท

หินพระธาตุแบบหน้าเต็มถ้ำต่างๆ ทุกถ้ำ นำมาบดเป็นมวลสารสร้างพระ เทพ ต่างๆในรุ่นนี้ทั้งหมดแล้ว มากถึง 360 กก. องค์พระจึงอัดแน่ไปด้วยมวลสารหินพระธาตุต่างๆทุกถ้ำมีพลังมากที่สุด
                  

3. พระอรหันต์ธาตุ (หายากมากกว่าจะได้มาต้องรวบรวมครบใช้เวลานานมาก)
 48 พระอรหันต์  (จำนวนมวลสาร 2 ก.ก.)
          พระอรหันตธาตุ พระอนาคาระกัสสปะ พระอรหันต พระสาวกธาตุสมัยพุทธกาลและสมัยโบราณ ตามตำราพระธาตุของโบราณ ได้กล่าวถึงลักษณะพระธาตุของพระอรหันต์ผู้ซึ่งทรงขันธ์อยู่ในสมัยพุทธกาล และหลังพุทธปรินิพพานไม่นาน มีระบุลักษณะของพระธาตุพระอรหันต์เหล่านี้ไว้ ๔๗ องค์และ ในอรรถกถา ระบุลักษณะพระธาตุของพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลไว้อีก ๓ องค์ ซึ่งซ้ำกับในตำราพระธาตุของโบราณ ๒ องค์ รวมปรากฏลักษณะพระธาตุของพระอรหันต์ทั้งสิ้น ๔๘ องค์ ได้แก่

เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
1.พระสารีบุตร  2.พระโมคคัลลานะ  3. พระอานนท์  4. พระสิวลี  5. พระมหากัจจายนะ 
    
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
6.พระอัญญาโกณฑัญญะ  7. พระองคุลีมาล  8.พระอนุรุทธะ  9.พระควัมปติ  10.พระสันตติมหาอำมาตย์
    
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
11.พระภัททิยะ  12.พระอุทายี  13.พระกาฬุทายี  14.พระปุณณะ  15.พระสัปปทาสะ (พระสัมปฑัญญะ)
    
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
16. พระมหากัปปินะ (พระมหากปีนะ)  17. พระสภิยะ(พระยังคิกะ)  18.พระสุมนะ  19.พระกังขาเรวัตตะ  20.พระอุตตระ
    
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
21.พระคิรินันทะ(พระคีรีมานันทะ)  22.พระโสปากะ(พระสปากะ)  23.พระวิมะละ  24.พระอุคคะ(พระอุคคาเรวะ)  25.พระปูติคัตตติสสะ(พระโลหนามะ)
    
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
26.พระสุคันธะ(พระคันธทายี)  27.พระบิณโฑลภารทวาชะ(พระปิณฑปาติยะ)  28.พระกุมารกัสสปะ  29.พระภัคคุ(พระภัทธคู)  30.พระอัตตทัตตะ(พระโคทะทัตตะ) 
    
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
31.พระกิมพิละ(พระกิมิละ)  32.พระวังคิสะ  33.พระโชติกะ(พระโชติยะ)  34.พระกุณฑธานะ(พระกุณฑละติสสะ)  35.พระพักกุละ 
    
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
36.พระพาหิยทารุจีริยะ  37.พระอุปคุต  38.พระอุปนันทสักยบุตร  39.พระนาคะสมาละ(พระจุลนาคะ)  40.พระโคธิกะ  
    
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
41.พระวัลลิยะ(พระเวยยะกัปปะ)  42.พระโมฬิยวาหะ  43.พระเวณุหาสะ  44.พระอนาคาระกัสสปะ  45.พระมาลียเถระ 
    
เรียงภาพจากซ้ายไปขวา
46.พระพิมพาเถรี  47.พระอุตตราเถรี  48.พระอุบลวรรณาเถรี
  


4. พระธาตุพุทธนฤมิตร  (จำนวนมวลสาร 2 ก.ก.)


พระโลหิตธาตุ  (จำนวนมวลสาร 2 ก.ก.)
โลหิตธาตุพระโมคคัลลานเถระ : เป็นพระอสีติมหาสาวกผู้เป็นเอตทัคคะในด้านผู้มีฤทธิ์ พระโมคคัลลานะ เป็นพระอัครสาวกเบื้องซ้าย พระมหาโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย (ทุติยสาวก) เลิศกว่าผู้อื่นในทางฤทธิ์  ดูรายละเอียดพระโลหิตธาตุ กด link นี้  https://utdid.com/amulet/0001005.html


ปฐวีธาตุ  (จำนวนมวลสาร 3 ก.ก.)
ความเชื่ออภินิหารและประสบการณ์ผู้บูชานับไม่ถ้วนทั้งแคล้วคลาด คงกระพัน ปลอดภัย โชคลาภ เมตตามหานิยม นำไปแช่น้ำมันแก้คุณไสย์มนต์ดำล้างอาถรรพ์ได้ และสามารถเพิ่มพลังสัมผัสไอในตัวผู้บูชาได้มากที่สุด  ดูรายละเอียดปฐวีธาตุ กด link นี้ >>> https://utdid.com/amulet/0000994.html


เหล็กไหล 7 สี  (จำนวนมวลสาร 20 ก.ก.)
ไหลเจ็ดสี ความเชื่อ เป็นเหล็กไหลชั้นยอดในชุดเหล็กไหลและเป็นเหล็กไหลที่หาพบได้ยากมาก ๆ มีอิทธ์ ฤทธิ์ คงกระพันชาตรี กันภูตผีปีศาจได้ดีที่สุด และสร้างภาพลวงตา เหล็กไหล7สีนิยมบูชาป้องกันภูติผีปีศาจ แก้ปีชง แช่น้ำมนต์แก้คุณไสย์ ลดวิบากกรรม และป้องกันภัยจากสิ่งที่มองเห็น และมองไม่เห็น ดูรายละเอียดเหล็กไหล 7 สี กด link นี้ >>> https://utdid.com/amulet/0000968.html




เหล็กไหลนาคราช  (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)


แร่เหล็กไหลภูควายเงิน  (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)


เหล็กไหลเพลิง  (จำนวนมวลสาร 7 ก.ก.)



เหล็กไหลฤาษี  (จำนวนมวลสาร 5 ก.ก.)
แร่เหล็กไหลฤาษีที่ ได้มาจากพระฤาษีบำเพ็ญตนในถ้ำแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ ชาวบ้านไปพบพระฤาษี จึงแบ่งมาให้ทำมวลสาร 


ผงเหล็กไหลนาคราช  (จำนวนมวลสาร 2 ก.ก.)
ผงเหล็กไหลนาคราชแม่น้ำโขง ความเชื่อ เป็นแร่ธาตุที่หาได้ยากและมีอำนาจมหาศาลพุทธคุณหรือคุณวิเศษมีอยู่ในตัวทั้งในด้านคุณเสน่ห์และเมตตามหานิยมความแคล้วคลาดปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านโชคลาภร่ำรวยขึ้นทันตาแบบไม่น่าเชื่อจึงเป็นที่ต้องการของผู้ได้พบเพราะมีความเชื่อว่าเป็นแร่ที่มีอาถรรพ์อยู่ได้เฉพาะผู้ที่ทีบุญบารมีมาแต่ อดีตชาติเท่านั้น ผงเหล็กไหลนาคราช ดูรายละเอียดที่ link นี้  >>> https://utdid.com/amulet/0000998.html



ผงแผ่นเหล็กน้ำพี้  (จำนวนมวลสาร 15 ก.ก.)
ความเชื่อ ส่วนเหล็กน้ำพี้มีความเชื่อกันอยู่แล้วว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์จากธรรมชาติ เช่น ล้างอาถรรพ์ ล้างสิ่งชั่วร้ายที่อยู่อาศัย หรือล้างสิ่งชั่วร้ายในบริเวณนั้น เอาไว้ป้องกันตัว ป้องกันเวทย์มนต์ดำ มนต์ร้าย ปัดเป่าเคราะห์ภัย เสริมบารมีผู้มีไว้ครอบครอง ล้างมนต์ดำ ไล่ผีร้าย ปีศาจ ป้องกันอาวุธต่างๆให้ผู้สวมใส่ปลอดภัย กดดูเหล็กน้ำพี้ link นี้ >>> https://utdid.com/amulet/0000272.html




ดอกไม้กลายเป็นหิน ดอกไม้หิน  (จำนวนมวลสาร 3 ก.ก.)

ไม้ไผ่ตัน ไม้ไผ่มหาอุด  (จำนวนมวลสาร 2 ก.ก.)
ไม้ไผ่ตัน ความเชื่อ ของอาถรรพ์จากธรรมชาติ ของหายากไม่สามารถหาได้ทั่วไป ไม้ไผ่ตัน หรือไม้ไผ่มหาอุด เป็นไม้ไผ่ตลอดทั้งลำที่ตันตั้งแต่ต้นตลอดหัวจรดราก เกจิอาจารย์นิยมลงคาถาอักขระเลขยันต์ต่างๆ จะเป็นไม้เท้าไม้ไผ่ตัน ตะกรุดไม้ไผ่ตัน ตะกรุดคาดเอว พระเกจิอาจาย์ต่างๆมีความเชื่อว่าไม้ไผ่ตันมีอานุภาพเป็นอเนกประการ ทั้งมหาอุด เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด ป้องกันไฟ เป็นของดีหายากอย่างหนึ่งในธรรมชาติที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก กดดูไม้ไผ่ตัน link นี้  >>> https://utdid.com/amulet/0000980.html



ชันโรง  (จำนวนมวลสาร 2 ก.ก.)

ยาปู่ฤาษี 108  (จำนวนมวลสาร 5 ก้อน )
ยาวิเศษที่พระฤาษีที่บำเพ็ญตบะ อยู่ในป่าแถบชายแดนไทยลาวมอบให้เป็นยาวิเศษที่ใช้สมุนไพรป่า และการบริกรรมคาถาของพระฤาษีปลุกเสกลงไป แม่ชีขอมาให้ทางร้านวรันณ์ธร นำไปทำเป็นมวลสาร


หมากไม้มณีโคตร  (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)
แห่งเดียวในโลก จากประเทศลาว 


เบี้ยแก้โบราณล้านปี  (จำนวนมวลสาร 3 ก.ก.)
เบี้ยหอยกลายเป็นหิน ประเทศลาว


ตาข่ายพันชั้น (จำนวนมวลสาร 5 ก.ก.)
เขตชายแดนลาวเวียดนาม



เพชรหน้าทั่ง (จำนวนมวลสาร 5 ก.ก.)




ผงในกะลาตาเดียว (จำนวนมวลสาร 3 ก.ก.)


พลอย  นิล  หยก  อเมทิส  (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)



กาฝากไม้คูณ  กาฝากไม้ขนุน   กาฝากไม้สัก  กาฝากไม้มะยม
 (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)


แร่ดูดทรัพย์ (จำนวนมวลสาร 5 ก.ก.)


ยาผงฤาษีผาแท่น  ยากลายเป็นหิน (จำนวนมวลสาร 2 ก.ก.)

คต ขมิ้น ข่า ขิง กลายเป็นหิน (จำนวนมวลสาร 4 ก.ก.)

ข้าวสารหินดำ ข้าวสารหินขาว (จำนวนมวลสาร 1 ก.ก.)

แร่มะขาม เม็ดจิ๋ว และแร่มะขามเม็ดใหญ่ (จำนวนมวลสาร 7 ก.ก.)

กะลามะพร้าว 1ตา  3ตา  กะลาตาเสือ (จำนวนมวลสาร 20 ลูก )

พระเจ้า 5 พระองค์ (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)

สเก็ตดาว (จำนวนมวลสาร 3 ก.ก.)



ไม้งิ้วดำ ไม้พญางิ้วดำ (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)

น้ำตา พระศิวะ เมล็ดรุทรักษะ (จำนวนมวลสาร 500 ผล )

แก้วขนเหล็ก  (จำนวนมวลสาร 20ก.ก.)

แก้วโป่งข่าม  (จำนวนมวลสาร 5 ก.ก.)


รังปลวก กลายเป็นหิน  (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)

ไหลน้ำพี้ ไหลดำ ไหลเขียว ไหลฟ้า ไหลม่วง   (จำนวนมวลสาร 20 ก.ก.)


ไม้กลายเป็นหิน  (จำนวนมวลสาร 20 ก.ก.)

ไม้มงคล 9 อย่าง  (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)


ผงว่าน 108 ชนิด  (จำนวนมวลสาร 10 ก.ก.)
ด้านเมตตา คงกระพัน ป้องกันตัว โชคลาภ 108ชนิด 

รายชื่อว่าน108 ที่ใช้ทำมวลสารแบบบดแล้ว 
1.ไก่แดง ให้ผลทางเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยมชั้นยอด 
2.มหาลาภ ให้ผลทางโชคลาภเป็นสิริมงคลดีนัก 
3.สี่ทิศ ให้ผลทางโชคลาภทำการสิ่งใดจะประสบความสำเร็จทุกประการ 
4.เทพประชุมพร ว่านทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ ช่วยให้ค้าขายเจริญรุ่งเรือง 
5.ว่านสบู่เลือด ดีทางด้านคงกระพันชาตรี โบราณนิยมมาสร้างพระ เช่น พระผงน้ำมัน วัดชนะสงคราม
6.ขมิ้นขาว เด่นทางด้านเมตตา 
7.นางคำ คุณวิเศษทางด้านเสน่ห์มหานิยม ใช้ได้นานาประการ 
8.สาวหลง ว่านที่ทรงคุณค่าทางด้านเมตตามหานิยมอย่างสูงสุด 
9.ทิพยเตร เด่นเรื่องเมตตามหานิยม 
10.มหาอุดม เป็นว่านมหานิยมสูงมาก เป็นที่รักใคร่ 
11.ดินสอฤาษี สรรพคุณทางด้านมหานิยมยังอยู่ในระดับเยี่ยม 
12.ไพลดำ แคล้วคลาดปลอดภัย 
13.ว่านธรรมรักษา เป็นว่านสิริมงคล โน้มน้าวให้ประพฤติปฏิบัติ อยู่ในศีลธรรม ป้งอกันภัยพิบัติ
14.ว่านนางกวัก เด่นทางการค้าขายช่วยกวักเงินกวักทอง
15.กุมารทอง ให้ผลทางโชคลาภ 
16.พะตะบะ กันอัปมงคลต่างๆแคล้วคลาดปลอดภัย 
17.ทรหด เด่นทางด้านคงกระพันและแคล้วคลาด 
18.กระแจะจันทร์ ด้านเมตตามหาเสน่ห์ 
19.เปราะหอม เป็นว่านทางเสน่ห์มหานิยมทางชู้สาว และช่วยให้ค้าขายดี 
20.ไก่ขัน ใช้ในทางเสน่ห์เลห์กลดีหนักหนา 
21.เพชรน้อย เด่นทางด้านคงกระพันและแคล้วคลาด 
22.เพชรน้อยแดง เด่นทางด้านคงกระพันและแคล้วคลาด 
23.รวยล้นฟ้า เป็นว่านทางโชลาภ 
24.นางพญาหงส์ทอง เป็นว่านทางเมตตามหานิยม เจรจาสิ่งใดจะเป็นที่พอใจ 
25.มหาโชค มีอานุภาพทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม ดีทางโภคทรัพย์ เป็นสิริมงคลต่อผู้ครอบครอง  
26.กลิ้งกลางดง เด่นทางด้านคงกระพันและแคล้วคลาด 
27.พระฉิม เป็นมงคล เสริมสิริมงคล และขจัดความชั่วร้ายทำให้แคล้วคลาด 
28.หอมดำ จัดเป็นว่าน 108 ที่ใช้ในการผสมสร้างพระผงคงกระพันชาตรี อีกทั้งยังมีเมตตามหานิยมใคร 
29.แม่ทองใบ มีอานุภาพบันดาลให้ประสบโชคลาภ ความร่มเย็นเป็นสุข 
30.ไชยมงคล ความเป็นมงคล เป็นว่านทรงอำนาจช่วยคุ้มครองป้องกันภัย 
31.สลักไกร เสน่ห์เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรีอีกด้วย 
32.สบู่หยวก เสน่ห์เมตตามหานิยม 
33.เศรษฐีนางกวัก ช่วยกวักทรัพย์ กวักลาภ กวักผู้คน ลูกค้าให้ไปมาหาสู่มิได้ขาด   
34.พญาลิ้นงู แคล้วคลาด 
35.มหาบัว เป็นว่านสิริมงคลชั้นสูงต้นหนึ่ง 
36.ว่านคุ้มรจนา มีอานุภาพคุ้มครองปกป้องเคหสถาน บ้านเรือนให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข
37.เทพรำลึก เสน่ห์เมตตามหานิยมเป็นยอด 
38.เงินไหลมา มีอานุภาพเรียกเงินทองให้เข้ามาสู่เคหะสถานบ้านเรือน 
39.พญาว่าน แคล้วคลาด 
40.ขมิ้นขาวปัดตลอด โชคลาภความเจริญ ความมีเมตตามหานิยม และความร่มเย็นเป็นสุขมั่งคั่ง 
41.นะหน้าทอง ทางเสน่ห์เมตตามหานิยม ให้ผลดีางการค้า 
42.มหาจักรพรรดิ เหมือนมีกำแพงแก้วป้องกันภัยบังเกิดความเจริญรุ่งเรืองเป็นเนืองนิตย์ 
43.หนุมานยกทัพ เป็นเมตตามหานิยมและกันทางคุณไสยาศาสตร์ 
44.หอมแดง จัดเป็นว่าน 108 ชนิดที่ใช้ในการผสมเพื่อสร้างพระผงในสมัยก่อน 
45.เศรษฐีเรือนนอก อานุภาพให้คุณทางด้านลาภผล เงินทอง 
46.ว่านมเหศวร เชื่อว่ามีเทวดารักษา เป็นว่านทางเมตตามหานิยมจะมีแต่คนรัก 
47.ว่านเทพรำเพย เป็นมหาเสน่ห์เมตตามหานิยม เจรจาค้าขายดี 
48.แสนนางล้อม เป็นว่านที่มีสิริมงคลและป้องกันอัคคีภัย 
49.ขุนแผนสะกดทัพ อานุภาพ ทางเสน่ห์เมตตานิยม 
50.เศรษฐีน้ำเต้าทอง เด่นทางเมตตา โชคลาภ 
51.ว่านมหามงคล เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม เสริมบารมี 
52.เฒ่าหนังแห้ง คงกระพันแคล้วคลาด 
53.ไก่กุ๊ก อานุภาพ ทางเสน่ห์เมตตานิยม 
54.เสน่ห์จันทร์ดำ จะเด่นทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยมเป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น 
55.เสน่ห์จันทร์เขียว จะเด่นทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยมเป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น 
56.ว่านจังงัง เป็นเมตตามหานิยม  เป็นที่รักใคร่เมตตาแก่ศัตรูหมู่มารทำให้ไม่กล้าคิดร้าย อำนาจของว่านจะทำให้ศัตรูเกิดจังงัง 
57.เสน่ห์จันทร์แดง จะเด่นทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยมเป็นที่รักเมตตาแก่ผู้พบเห็น 
58.กวักนางพญามหาเศรษฐี อานุภาพทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม ดีทางโภคทรัพย์ เป็นสิริมงคล 
59.กวักนางพญาใหญ่ อานุภาพทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม ดีทางโภคทรัพย์ เป็นสิริมงคล 
60.กวักพุทธเจ้าหลวง อานุภาพทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม ดีทางโภคทรัพย์ เป็นสิริมงคล 
61.ว่านเหล็กไหล เด่นทางคงกระพันแคล้วคลาด 
62.พัดแม่ชี อานุภาพสูงทางด้านปัดเป่าสิ่งอัปมงคล ป้องกันอำนาจคุณไสย 
63.นางคุ้ม คุ้มกันภยันตรายต่างๆ 
64.มหาปราบ ดีทางฤทธิ์และอำนาจ อยู่ยงคงกระพัน ป้องกัน ภูติ ผี ปีศาจ 
65.กำบังภัย สามารถใช้ป้องกันภัยจากคุณไสย ป้องกันอันตราย ที่จะเข้ามากล้ำกราย
66.ขอทอง เด่นเรื่อง เมตตา มหานิยม 
67.หนุมานนั่งแท่น ทางคงกระพันชาตรี 
68.ไก่ดำ อำนาจและบารมี อีกทั้งให้คุณทางด้านการค้าขาย 
69.เศรษฐีก้านทอง สรรพคุณคือใช้เป็นเมตตามหานิยมเรียกเงินทอง
70.เทพรำพึง เป็นเอกทางด้านเมตตามหานิยม เป็นสิริมงคล 
71.เสน่หา เป็นว่านมงคลมหานิยม 
72.เต่านำโชค เป็นว่านทางเมตตา 
73.นางล้อม เป็นว่านมหามงคล ป้องกันสรรพสัตว์ทั้งปวง 
74.กล่อมนางนอน ว่านที่มากด้วยเมตตามหานิยม มีอานุภาพสามารถทำให้ผู้คนเคลิบเคลิ้มได้ 
75.ขมิ้นขาวเสน่ห์ ดีทางด้านเมตตามหานิยม ทั้งยังเป็นเมตตามหานิยม 
76.เทพรัญจวน ให้ในทางเมตตามหานิยม เป็นที่รัก เมตตาต่อผู้พบเห็น 
77.ว่านเอ็นเหลือง เด่นทางคงกระพันและแคล้วคลาด 
78.จูงนาง เป็นว่านทางด้านเสนห์ เมตตามหานิยม 
79.นกคุ้ม เป็นว่านที่มีสรรพคุณพิเศษในการป้องกันอัคคีภัยและคุ้มครองสิ่งของในบ้านเรือนให้ 
80.ว่านเสน่ห์จันทร์ทอง เด่นทางเสน่ห์และช่วยให้ค้าขายดี                                                      
81.เถาว์วัลย์หลง ดีทางเจรจาพาที เป็นที่เมตตามหานิยม 
82.มหากวัก อานุภาพสิริมงคล ส่งเสริมกิจการธุรกิจการค้าและเจริญก้าวหน้า 
83.พุทธกวัก ว่านนี้ดีทางเมตตาและทางการค้า 
84.ว่านพญาปัจเวก  เด่นทางด้านเสริมบารมี 
85.อึ่ง เด่นทางแคล้วคลาด ปกป้องจากสิ่งอัปมงคล 
86.พระเจ้า5พระองค์ ในทางแคล้วคลาดอันตรายอุบัติเหตุต่างๆ 
87.ธรณีสาร ความเป็นมงคลอานุภาพสิริมงคล ส่งเสริมกิจการธุรกิจการค้า 
88.สิบแสน เป็นว่านทางเมตตามหานิยม ทำให้ประสบโชคลาภ 
89.ว่านพระนารายณ์ ว่านเสน่ห์เมตตามหานิยม นำโชคนำลาภ 
90.เสน่ห์ขุนแผน เป็นเมตตามหานิยมรักใคร่และความเจริญรุ่งเรือง 
91.เศรษฐีพญาบดินทร์ ทางเมตตามหานิยมสูงทั้งนำโชค 
92.กวักทองคำ ว่านสิริมงคล ว่านแห่งโชคลาภ 
93.สิงหโมรา ใช้ในทางเมตตามหานิยม เด่นทางด้านอำนาจ
94.สาลิกา มีอานุภาพทางเมตตามหานิยม 
95.ทองคำ ใช้ในทางโชคลาภเงินทอง 
96.ช้างผสมโขลง เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม 
97.พญาหอกหล่อ เป็นว่านแคล้วคลาด 
98.มหาเมฆ เป็นว่านนิยมมาตั้งแต่โบราณ ดีทางคลกระพันชาตรี เป็นตบะเดชะ 
99.ไพลปลุกเสก อานุภาพเกิดลาภผล ความอุดมสมบูรณ์พูนสุขเจริญรุ่งเรือง 
100.จ่าว่าน เป็นว่านอานุภาพสูงให้ทรงด้วยอานุภาพ ป้องกันเสนียดจัญไร 
101.ว่านนเรศวร เป็นว่านที่ทรงอานุภาพ ด้านมหาอำนาจ ตบะเดชะ เป็นที่ยำเกรงต่อศัตรู หมู่มาร และ คุ้มครองปกป้องเป็นเลิศ
102.กวักเงินกวักทอง ว่านเสน่ห์เมตตามหานิยม นำโชคนำลาภเงินทอง 
103.เพชรกลับ เด่นทางแคล้วคลาด ปกป้องจากสิ่งอัปมงคล ไปที่ใดปราศจากอันตราย 
104.วาสนาทางลาย เด่นทางโชคลาภวาสนา เจริญด้วยความสมบูรณ์พูนสุข 
105.เศรษฐีขอดทรัพย์ ใช้ในทางลาภเป็นเมตตามหานิยม
106.ว่านทองคำ ใช้ในทางโชคลาภเงินทอง 
107.ว่านรวยล้นฟ้า เป็นว่าแห่งโชคลาภ มีเงินทองใช้ไม่มีวันหมด 
108.ว่านวาสนาทางลายเด่นทางโชคลาภวาสนา เจริญด้วยความอุดมสมบูรณ์พูนสุข


              การบดมวลสาร  ผสมมวลสาร  ทางร้านวรันณ์ธร จะพยายามทำเองทุกขั้นตอนเพื่อไม่ให้มวลสารรั่วไหล จึงการันตีได้ว่าท่านผู้สนใจบูชาวัตถุมงคลของร้านจะได้วัตถุมงคลที่ดี แท้ และได้มวลสารเต็มๆองค์

เครื่องตีบดมวลสาร


เครื่องผสมมวลสารเล็ก และเครื่องผสมมวลสารใหญ่


มวลสารที่ถูกบด และผสม แล้ว


มวลสารเสร็จแล้ว นำไปเจริญพุทธมนต์เข้าพิธีงานกฐิน 3 วัด ซึ่งร้านวรันณ์ธร เป็นเจ้าภาพ และประธานงานกฐินดังนี้

นำมวลสารที่บดเรียบร้อยทั้งหมดแล้วไปเข้าพิธีพุทธมนต์กฐิน 

นำมวลสารที่บดแล้ว ไปเข้าพิธีพุทธมนต์ วัดที่ 1 วัดหนองคันธมาศ วันที่ 30 ตุลาคม 2559 ร้านวรันณ์ธร เป็นประธานงานพิธี นำโดยคุณประสิทธิ์ มีมา ผู้จัดการโรงหล่อพระ

พระอาจารย์สุข เจ้าอาวาสเป็นผู้รับมอบ พานกฐิน ต้นโพธิ์เงิน โพธิ์ทอง ของร้านวรันณ์ธร  เป็นเจ้าภาพ ประธานงาน

นำมวลสารที่บดแล้ว ไปเข้าพิธีพุทธมนต์ วัดที่ 2 วัดแนวคีรี วันที่ 6 พฤศจิกายน 2559 ร้านวรันณ์ธร เป็นประธานงานพิธี  นำโดย คุณนันท์นภัส  ณวรรกร  ผู้จัดการร้าน

พระอาจารย์ตี๋ เจ้าอาวาสเป็นผู้รับมอบ พานกฐิน ต้นโพธิ์เงิน โพธิ์ทอง ของร้านวรันณ์ธร  เป็นเจ้าภาพ ประธานงาน

นำมวลสารที่บดแล้ว ไปเข้าพิธีพุทธมนต์ วัดที่ 3 วัดม่อนหินขาว วันที่ 13 พฤศจิกายน 2559 ร้านวรันณ์ธร เป็นประธานงานพิธี  นำโดย คุณชยุต ณัฏฐ์รำ  เจ้าของกิจการ

พระอาจารย์เล็ก เจ้าอาวาสเป็นผู้รับมอบ พานกฐิน ต้นโพธิ์เงิน โพธิ์ทองร้านวรันณ์ธร เป็นเจ้าภาพ ประธานงาน

มวลสารที่ผ่านพิธีพุทธมนต์ งานกฐิน มาครบ 3 วัดแล้ว 
ทางร้านวรันณ์ธร นำมวลสารปั้มพระตามการวางฤกษ์ยาม โดยคุณชยุต ณัฏฐ์รำ เป็นผู้วางฤกษ์ทั้งหมด มีความรู้ด้านโหราศาสตร์


การปั้มพระผง
  
  
------------------
อยากมีพระดีๆสักองค์ไว้บูชาไหม
พระดีใน คือมวลสารดี หายากรวบรวมจากทั่วประเทศ และต่างประเทศ และมวลสารบรรจุไว้เกือบเต็มองค์มากถึง 70 เปอร์เซนต์ต่อองค์ ซึ่งพระส่วนใหญ่น้อยมากที่จะบรรจุมวลสารเต็มๆองค์แบบนี้
พระดีนอก คือพุทธาภิเษกเกจิพลังจิต คาถาอาคม สูงระดับประเทศไทย 
ผู้สร้าง สร้างด้วยความซื่อสัตย์ ต้องการให้ผู้บูชาได้พระดีจริง มวลสารจริง มวลสารถึง ศักดิ์สิทธิ์จริง และการปลุกเสกดีจริง ผู้สร้าง สร้างออกมาจากใจถึงมือผู้บูชาทุกคน
------------------

  สนใจสั่งทางไลน์ไอดี @line55  (มี@ด้วย)

หรือคลิกสั่งทางไลน์ ที่นี่ >>>  http://line.me/ti/p/%40line55

สนใจเป็นตัวแทนจำหน่าย โดยไม่ต้องลงทุนสอบถามได้ทันที

หรือโทรตามเบอร์โทรหน้าเว็บนี้ได้ทุกเบอร์

ดูโปรโมชั่นสั่งวัตถุมงคลได้ที่  คลิกที่นี่

------------------
ประวัติ   วิธีบูชา และคาถา
คาถาอาราธนาพระปิดตา 
นะโมพุทธัสสะ คะวัมปะติสสะ , นะโมธัมมัสสะ คะวัมปะติสสะ, นะโมสังฆัสสะ คะวัมปะติสสะ, สุขา สุขะ วะรัง นะโมพุทธายะ, มะอะอุ ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา เจวะ เสกขา ธัมมา ยะธาพุทโมนะ ฯ (บริกรรมเพิ่มทรัพย์ ลาภดีนักแล )

พระคาถาบูชาพระปิดตามหาลาภ หลวงปู่เอี่ยม วัดโคนอน
(ขอบคุณรูปจากคุณคนธรรณ์)
พระคาถาบูชาพระปิดตามหาลาภ หลวงปู่เอี่ยม วัดโคนอน คาถาบทนี้ไว้สำหรับบูชาอาราธนาพระปิดตาสำหรับผู้ที่มีพระปิดตาหลวงปู่เอี่ยม และสามารถใช้บูชาพระปิดตาทั่วไปได้ คาถาพระปิดตา หลวงปู่เอี่ยม ให้ภาวนาดังนี้
ตั้งนะโม 3 จบ แล้วท่อง
ภะคะวัมปะติ เถรัง เอหิ  สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม


ประวัติพระปิดตา กับตำนานการสร้างพระปิดตาในประเทศไทย
"พระปิดตา"อายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย...ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าสร้างขึ้นในสมัยใด บางท่านเคยพบว่า พระปิดตางบน้ำอ้อยขนาดใหญ่เนื้อดินเผา อยู่ในกรุเมืองกำแพงเพชร แต่ว่ามีน้อยองค์และหายาก บางท่านว่าพระปิดตาพิชัย กรุคลองตะเคียน...กรุวัดประดู่ทรงธรรม...จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สร้างด้วยเนื้อดินผสมผงใบลานเผา น่าจะมีอายุเก่าที่สุดเพราะสืบได้ว่าสร้างใน สมัยกรุงศรีอยุธยายุคปลาย และมีให้เล่นหากันพอสมควร หรือบางท่านว่าอาจจะเป็น พระปิดตาท้ายย่าน จากกรุวัดท้ายย่าน จังหวัดชัยนาท เป็นพระปิดตาที่สร้างมาจากเนื้อแร่ดินพลวงผสมชิน ผู้รู้ว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาเช่นกัน 
 
พระพุทธประติมาหินจำหลัก ในตำรากล่าวว่าในสมัยพุทธศตวรรษที่7 ศาสนาพุทธ ได้แพร่หลายเข้าไปในประเทศกรีก นายช่างจำหลักหินผู้มีฝีมือชาวกรีก ซึ่งเคยจำหลักเทพเจ้าต่างๆ จึงได้จำหลักรูปพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นครั้งแรกด้วยหินอ่อนสีขาว ซึ่งมีมากในประเทศกรีก...ต่อมานายช่างชาวอินเดียแห่งแคว้นคันธาระ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ได้ไปขอถ่ายทอดฝีมือ จำหลักรูปองค์พระศาสดา ด้วยหินชนวนสีเทา มีความงดงามไม่แพ้กัน จึงเป็นพระพุทธรูปสลักหินครั้งแรกของประเทศอินเดีย ซึ่งพุทธศตวรรษที่7 เช่นกันเรียกว่า ศิลปะคันธาระ และพระพุทธรูปยุคนี้ เมื่อเข้ามาถึงประเทศไทย เราเรียกว่า พระพุทธรูปสมัยทวารวดี
 
พระพุทธรูปมีครั้งแรกในสมัยพุทธกาล
ท่านผู้รู้กล่าวว่าความจริงแล้ว พระพุทธรูปได้สร้างขึ้น ครั้งแรกในสมัยพุทธกาล...สร้างด้วยไม้แก่นจันทน์ ครั้งนั้นพุทธองค์จะเสด็จไปยังสวรรค์ดาวดึงส์ เพื่อไปโปรดพุทธมารดา... พระมหากษัตริย์ที่ครองชมพูทวีป อยู่ในครั้งนั้นชื่อ พระเจ้าพิมพิสาร หรือพระองค์ใดไม่แน่ชัด ได้ทูลขออนุญาตสลักไม้แก่นจันทน์เป็นรูปพระพุทธองค์ไว้เพื่อสักการบูชา ในระหว่างที่พระพุทธองค์ไม่อยู่...พระองค์ทรงอนุญาต
 
พระพุทธรูปไม้แก่นจันทน์แสดงปาฏิหาริย์
ในตำรามีพระพุทธรูป อยู่ปางหนึ่ง คือปางห้ามแก่นจันทน์ หรือเรียกเต็มๆว่า ปางห้ามพระพุทธรูปไม้แก่นจันทน์ เมื่อสมเด็จพระพุทธองค์ เสด็จกลับจากดาวดึงส์ แล้ว ก็คงเสด็จไปยังที่พำนักของพระองค์ แต่เดิมซึ่งบัดนั้นมี  พระพุทธรูปไม้แก่นจันทน์ ประดิษฐานอยู่  พระพุทธรูปไม้แก่นจันทน์ ได้แสดงปาฏิหาริย์ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้คล้ายจะหลีกทางให้ พระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ จึงได้ยืนและยกพระหัตถ์ซ้าย ขึ้นหงายฝ่ามือแบไปเบื้องหน้าเสมอพระอุระ...เป็นกิริยาห้ามไว้ ต่อมาประชาชนผู้ศรัทธาได้สร้างพระพุทธรูปปางนี้ไว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนพระมหากัจจายนะ หรือ พระสังกัจจายน์ นิยมสร้างไว้เคารพบูชาในยุคหลังๆ และเปลี่ยนมาเป็นพระปิดตา...พระมหาอุตม์
 
พระปิดตาเป็นพระเครื่องอีกรูปแบบหนึ่ง ที่คนนิยมกันมากในระยะหลัง เนื่องด้วยรูปแบบและกรรมวิธีการสร้าง พระปิดตา ในสมัยก่อนแรกๆจะไม่ค่อยมีคนสนใจเนื่องจาก มีความเชื่อกันมาก่อน เช่น มีพระปิดตาในบ้านแล้วคลอดลูกยากบ้าง มีพระปิดตา แล้วค้าขายของยากซึ่งเป็นความเข้าใจผิด พระเครื่องประเภทหนึ่งที่นิยมกันมาก ด้วยพุทธลักษณะขององค์พระที่แตกต่างทั้งกรรมวิธีการสร้าง รวมทั้งมีพุทธศิลปะ เป็นเอกลักษณ์แตกต่างจาก พระเครื่องประเภทอื่นๆ จนกลายเป็น ความโดดเด่น และได้รับความนิยมอย่างสูงยิ่ง ในหมู่พุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะ วงการพระเครื่อง ซึ่งรู้จักกัน ในนาม "พระปิดตา" พุทธลักษณะของพระปิดตา เป็นรูปองค์พระ ที่ค่อนข้างอวบอ้วน ยกพระหัตถ์ ขึ้นปิดพระพักตร์ บางสำนัก ก็จะทำเป็นรูปมือ เพิ่มอีก ๒ ข้าง เอื้อมไปปิดทวารด้านล่าง (วงการเรียก "โยงก้น") อีกด้วย

ประวัติการสร้างพระปิดตาในประเทศไทย นั้นเริ่มต้นในยุคอยุธยาตอนปลาย จากหลักฐานที่พบพระปิดตายุคแรกเป็นเนื้อโลหะ ได้แก่ พระปิดตากรุวัดท้ายย่าน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ต่อมาจึงมีการสร้างพระปิดตาเนื้อผงคลุกรักและพระปิดตาอื่นๆ เช่น พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จ.ชลบุรี
 
การสร้างพระปิดตา เริ่มได้รับความนิยมแพร่หลายตั้งแต่ตอนต้นยุครัตนโกสินทร์เรื่อยมา มีพระเกจิอาจารย์หลายสำนักพากันจัดสร้างพระปิดตาขึ้นและได้รับความนิยมไปทั่ว เช่น พระปิดตาวัดพลับ (วัดราชสิทธาราม) พระปิดตาวัดหนัง พระปิดตาวัดทอง พระปิดตาหลวงปู่ศุข พระปิดตาแร่บางไผ่ และ พระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม เป็นต้น
 
จากข้อมูลดังกล่าวอาจได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า พระปิดตาทั้งหมดเป็นพระปิดตาคณาจารย์ ซึ่งหมายถึงพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณเป็นผู้จัดสร้าง ไม่ใช่เป็นพระกรุที่สร้างโดยเจ้าพระยามหากษัตริย์ แม้แต่กรณีพระปิดตาท้ายย่านก็น่าจะจัดอยู่ในลักษณะเดียวกัน และไม่มีการสร้างก่อนสมัยอยุธยาตอนปลาย ลักษณะเด่นของพระปิดตา นั้นนับเป็นพระเครื่องที่แสดงถึง "นัย" หรือ "ปริศนาธรรม" แห่งงานพุทธศิลปะอย่างโดดเด่น ยากจะหาพระเครื่องประเภทใดเทียบเทียมได้ ความหมายเบื้องต้นแห่งการปิดตาก็คือ การปิด "ทวาร" หรือทางเข้าทางออกแห่งอาสวะกิเลสทั้งหลาย ซึ่งเราชื่อกันว่าร่างกายของมนุษย์ (หรือสัตว์) มี "ทวาร" หมายถึง ประตูแห่งการเข้าออก ๙ ทาง ได้แก่ ตา ๒ จมูก ๒ หู ๒ ปาก ๑ รวมทั้ง ช่องทางขับถ่ายด้านหน้าและ ด้านหลังอีก ๒ รวมเป็น ทวารทั้ง ๙
 
การปิดกั้นทวารทั้ง ๙ เป็นปริศนาธรรมที่กั้นกิเลสจากภายนอกไม่ให้เข้ามาสู่ภายใน เพื่อจุดหมายแห่งการปฏิบัติกรรมฐาน ซึ่งโบราณาจารย์ที่สร้างพระปิดตา (หรือปิดทวาร) ในอดีตจะเป็นพระภิกษุที่ขึ้นชื่อลือเลื่องทางวิปัสสนาธุระทั้งสิ้น แต่การสร้างรูปจำลองในลักษณะนี้ ค่อนข้างยากต่อการออกแบบ ส่วนใหญ่จึงพบการแสดงความหมายให้เห็นเพียงการปิดพระพักตร์ ซึ่งรวมถึงการปิดปากเท่านั้น หากมองในแง่ความสำคัญทางการเมืองการปกครองจะพบว่า อำนาจของภิกษุสงฆ์ไม่ได้จำกัดอยู่ใน "พุทธจักร" อย่างเดียว หากแต่ยังก้าวไปถึง "อาณาจักร" อีกด้วย ตัวอย่างของบทบาทดังกล่าวจะเห็นได้ชัดในกรณี ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆัง ธนบุรี ที่สามารถเดินเข้าไปถาม เจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ถึงข่าวลือเรื่องการยึดอำนาจกลับจาก ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ และขอคำยืนยันว่าจะไม่เกิดเหตุดังกล่าว หรือแม้แต่การที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ จุดไต้ตอนกลางวันเข้าไปเตือนพระสติ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ "พุทธจักร" ที่มีต่อ "อาณาจักร" อย่างเด่นชัด 

เป็นที่น่าสังเกตว่า พระเกจิอาจารย์ที่สร้างพระปิดตาในระยะแรกๆ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับราชสำนักไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อาทิ สมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) หลวงปู่ศุข หลวงปู่เอี่ยม หลวงปู่ทับ เป็นต้น

ดังนั้น "พระปิดตา" อาจถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของการประกาศตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับ "อาณาจักร" เพื่อมิให้เกิดการถูกนำไปอ้างอิงหรือใช้เป็นเครื่อง "ชี้นำ" ในชะตาของบ้านเมือง ในระยะเวลาต่อมา คติการสร้างพระปิดตาหรือปิดทวารเกี่ยวเนื่องกันเรื่อยมา มีการจำลองเป็นพระอ้วนพุงพลุ้ย ซึ่งได้ต้นเค้าจากเรื่องราวของ พระสังกัจจายนะ หรือ พระภควัมบดี อัครสาวกองค์สำคัญของพระพุทธองค์ พระภควัมบดี หรือ พระมหาสังกัจจายน์ นั้น ไม่ใช่รูปสมมติแทนองค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้า คำว่า "ภควัมบดี" หรือ "ภควัมปติ" แปลว่า "ผู้มีความงามละม้ายเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า" อันเป็นอีกนามหนึ่งของพระมหาสังกัจจายนะ หนึ่งในพระสาวกผู้ทรงเอกทัคคะ (เป็นเลิศ) ๘๐ รูป ของพระพุทธองค์

พระมหาสังกัจจายนะ เกิดในวรรณะพราหมณ์ ณ กรุงอุชเชนี มีผิวกายประหนึ่งทองคำมาตั้งแต่กำเนิด จึงได้นามว่า "กาญจน" และได้อุปสมบทโดยเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา (พระพุทธเจ้าทำการบวชให้) พระมหาสังกัจจายนะท่านมีความเป็นเลิศทางการย่อพระธรรมคัมภีร์ให้สั้นลง และอธิบายความหมายให้ผู้ฟังเข้าใจได้อย่างละเอียดแจ่มแจ้ง นอกจากนี้ท่านยังมีรูปร่างและผิวกายงดงามมาก จนได้ชื่อว่า "พระภควัมปติ" อันมีความหมายว่า "ผู้มีความงามละม้ายเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า" ความงดงามแห่งรูปกายนี้เองก่อให้เกิดความหลงใหลคลั่งไคล้จากฝูงชนทั้งชายหญิงจนเกิดเรื่องพิพาทกันไม่รู้จักหมดจักสิ้น ทำให้พระมหาสังกัจจายนะเกิดสลดสังเวชในใจพิเคราะห์ดูว่าการมีรูปกายงดงาม ก่อให้เกิดทุกข์มากมาย ท่านจึงตั้งสมาธิอธิษฐานเปลี่ยนสรีระรูปร่างกลายเป็นร่างต่ำเตี้ย พระอุทรพลุ้ย ศีรษะใหญ่ ขาสั้น อันเป็นลักษณะของ "พระสังกัจจายน์" ที่เห็นในปัจจุบัน แม้จะอธิษฐานเปลี่ยนสรีระแล้ว ผลแห่งกุศลในอดีตชาติยังส่งให้พระสังกัจจายน์เป็นที่รักใคร่นิยมยินดี มีแต่ผู้ให้ลาภสักการะสรรเสริญตลอดมามิมีขาด ด้วยความนิยมในพุทธสาวกองค์นี้ โบราณาจารย์จึงได้จำลองลักษณะแห่งพระภควัมบดีในรูปพระเครื่องศักดิ์สิทธิ์อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น โดยแสดงความหมายที่สำคัญของพระภควัมปติ อันเป็นผู้มีความละม้ายเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้าในหลายลักษณะ อาทิ

- พระสังกัจจายน์ อันเป็นที่รักใคร่นิยมยินดีเปี่ยมไปด้วยลาภสักการะสรรเสริญ 

- พระปิดตาทวารทั้ง ๙ อัน เป็นการปิดกั้นอาสวะกิเลสแห่งทวารเข้าออกทั้ง ๙ ของร่างกาย 

- พระปิดตามหาอุด อันเป็นการป้องกันสรรพภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง 

ในกระบวนพระปิดตาของคณาจารย์แต่โบราณนั้น มีที่ขึ้นชื่อลือเลื่องหลายสำนักด้วยกัน วัสดุมวลสารที่นำมาประกอบเป็นองค์พระมีทั้งเนื้อชินตะกั่ว เนื้อผงคลุกรัก เนื้อผงใบลาน เนื้อผงมวลสาร เนื้อสัมฤทธิ์ เนื้อเมฆพัด เนื้อเมฆสิทธิ์ เป็นต้น

- พระปิดตามหาอุดหรือพระปิดทวารทั้ง 9 กันดูบ้าง ความเป็นจริงพระปิดตา ที่มีมือคู่เดียวยกขึ้นมาปิดที่ใบหน้า และพระปิดทวารทั้ง 9 นั้นก็หมายถึงพระภควัมปติหรือพระภควัมบดี เช่นเดียวกัน และพระมหาสังกัจจายน์ ก็คือพระอรหันต์องค์เดียวกันนั่นเองครับ ตามประวัติว่ากันว่าพระมหาสังกัจจายน์นั้นมีรูปร่างงดงาม และได้รับคำชมจากพระบรมศาสดาว่า พระมหาสังกัจจายน์นั้นเป็นเอตทัคคะ และฉลาดล้ำเลิศในการอธิบายความแห่งคำที่ย่อได้อย่างพิสดาร ด้วยความฉลาดล้ำเลิศของพระมหาสังกัจจายน์นั่นเอง 

พระมหาสังกัจจายน์ ท่านเป็นผู้ที่มีผิวพรรณวรรณะงดงาม ตามพระบาลีว่า สุวณฺโณจวณฺณํ คือมีผิวเหลืองดังทองคำ เป็นที่เสน่ห์นิยม มิว่าท่านจะไปในสถานที่แห่งใด เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายต่างก็พากันสรรเสริญว่า ท่านคือ พระบรมศาสดาเสด็จมาแล้ว เพราะเหตุที่ท่านมีรูปโฉมละม้ายเหมือนพระศาสดานั่นเอง ท่านจึงได้รับสมญานามอีกชื่อหนึ่งว่า “พระภควัมปติ” ซึ่งมีความหมายทำนองว่า ผู้มีความงามละม้ายเหมือน พระผู้มีพระภาคเจ้านั่นเอง เมื่อเหตุการณ์เป็นไปดังนี้ ท่านจึงมาคิดว่า การที่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายพากันสรรเสริญท่านดังนี้ เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง สุดท้ายท่านจึงกระทำด้วยอิทธิฤทธิ์ เนรมิตกายให้เตี้ยลงจึงดูท้องพลุ้ย ไม่เป็นที่น่าดู เทพยดาและมนุษย์จะได้ไม่เกิดความเข้าใจผิดอีกต่อไป

ส่วนที่มีการทำ รูปเคารพเป็นรูปปิดทวารทั้ง 9 นั้น ก็คือมือคู่หนึ่งปิดหน้า คือปิดตา 2 ข้างปิดจมูก 2 ปิดปาก 1 และมีมืออีกคู่หนึ่งมาปิดที่หู 2 ข้าง ส่วนอีกมือคู่หนึ่งนั้นปิดที่ทวารทั้ง 2 รวมเป็นปิดทวารทั้งเก้า คือเป็นอุปเท่ห์หมายถึง ตอนที่พระภควัมปติท่านกำลังเข้านิโรธสมบัติ ทวารทั้งเก้าก็จะปิดสนิท ไม่ยินดียินร้ายกับกิเลสทั้งหลาย หมายถึงดับสนิท อาสวะกิเลสต่างๆ ไม่อาจที่จะเข้ามาแผ้วพานได้เลย จากมูลเหตุนี้เอง คณาจารย์ต่างๆ ท่านจึงสร้างรูปเคารพ เป็นรูปพระปิดตา (คือมีมือคู่เดียวมาปิดที่หน้า) บ้างเป็นรูปพระปิดทวารทั้งเก้าบ้าง และโดยส่วนใหญ่ถ้าเป็นพระปิดตาก็จะปลุกเสกให้เด่นไปทางเมตตามหานิยม โชคลาภโภคทรัพย์ แต่ถ้าเป็นพระปิดทวารทั้ง 9 ก็จะปลุกเสกให้เด่นไปทางอยู่ยงคงกระพันชาตรีและแคล้วคลาด พระปิดทวารทั้งเก้านั้นในสมัยโบราณ ถ้าบ้านไหนมีคนจะคลอดลูก ถึงกับต้องนำพระปิดทวารทั้งเก้าออกไปนอกบ้านเสียก่อน เชื่อกันว่าจะไม่สามารถคลอดลูกได้ก็มี ซึ่งเป็นความเชื่อกันในสมัยโบราณ

พระปิดทวารทั้งเก้า นั้นมีคติการสร้างมาตั้งแต่ครั้งไหน ยังไม่มีการสืบค้นไปถึงได้ มีพระปิดทวารทั้งเก้าเก่าๆ ที่ยังไม่มีใครทราบว่าเป็นของพระอาจารย์ท่านใดสร้าง แต่มีเนื้อหาความเก่าและได้รับตกทอดกันมานานแล้ว ก็มักจะเรียกกันว่าพระปิดทวารฯ เขมร ส่วนมากที่พบมักจะเป็นเนื้อโลหะ ประเภทสัมฤทธิ์ หรือโลหะผสม ออกจะเป็นทองเหลืองบ้าง เนื้อกลับดำบ้าง 

จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถสืบค้นถึงที่มาได้ แม้แต่ในประเทศกัมพูชาเองก็ยังไม่แน่ว่าจะมีหรือสืบค้นเรื่องราวได้หรือ เปล่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าศึกษาค้นคว้าดู พระปิดทวารฯ เขมรตามที่เขาเรียกกันนั้นของแท้ๆ จะมีเนื้อหาความเก่าแก่อย่างชัดเจน ทั้งศิลปะก็เป็นแบบเก่า เท่าที่พบจะเป็นพระลักษณะปั้นหุ่นเทียนเป็นองค์ๆ จะไม่มีองค์ใดซ้ำกันเลย

"พระปิดตาเนื้อโลหะ"ที่เก่าที่สุดและพอที่จะมี หลักฐานสืบค้นได้ก็คือพระปิดตาของกรุวัดท้ายย่าน ชัยนาท อายุราวสมัยกรุงศรีอยุธยา และพระปิดตาเนื้อดิน คือพระปิดตาพิชัย สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายทางใต้ก็มีพระปิดตานครศรีธรรมราชเป็นต้น ส่วนพระปิดทวารฯ เนื้อโลหะเท่าที่สืบค้นได้ว่าเป็นของพระอาจารย์ท่านใด ตำราการสร้างพระภควัมบดี 

 สิทธิการิยะ... ตำรา"พระครูเทพ" แห่งกรุงศรีอยุธยา สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเกจิอาจารย์ได้ศึกษาสืบต่อกันมานับว่าเป็นของ วิเศษ ที่จะหาอะไรมาเปรียบได้ ฆราวาสก็ดี สมณะก็ดี ถ้าได้ทำตามตำราดังกล่าวนี้ จะทำให้มียศฐาบรรดาศักดิ์ เป็นใหญ่กว่าคนทั้งหลาย ท่านที่เคยทำมาแล้วก็จะได้เป็นใหญ่เป็นโตโดยทั่วกัน ถ้าผู้ใดต้องการให้ชีวิตตน มีความสุขความเจริญก้าวหน้า บังเกิดสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลแก่ตน ทั้งปกป้อง คุ้มครองภยันตรายต่างๆ แก่ครอบครัว ตลอดจนวงศาคณาญาติ ให้ได้รับความสงบสุข ในโลกนี้ และโลกหน้า ขอให้ปฏิบัติตามตำรานี้

 ท่านว่า...ให้ขุดเอารากรักซ้อนมาตากแดดให้แห้งแล้วจ้างช่างฝีมือแกะ เป็นรูป พระภควัมบดี(พระปิดตา) สูงประมาณนิ้วครึ่งหรือหนึ่งนิ้ว แล้วเจาะใต้ฐานพระให้กลวง เพื่อบรรจุสิ่งต่อไปนี้ คือ ๑.ยอดรัก๒. ยอดสวาสดิ์ ๓. ยอดกาหลง อย่างละ ๓ ยอด ทั้ง๓ อย่างนี้ เอามาผสมกัน บดให้ละเอียด แล้วเอากระดาษว่าว (กระดาษข่อย) ห่อ พระธาตุพระฉิมพลี และพระธาตุพระสารีบุตร บรรจุรวมกับผง ใส่บรรจุใต้ฐานพระ  แล้วเอาชันโรง (ขี้สูด) ปิดฐานพระให้แน่น เพื่อมิให้สิ่งที่บรรจุเข้าไป หลุดออกมาได้ เมื่อเวลาจะทำต้องหาฤกษ์ ถ้าได้วันเสาร์ ๕ ยิ่งดี  เมื่อได้ฤกษ์แล้ว ให้ทำพิธียกครู มีดอกไม้รูปเทียน บายศรี เงินบูชาครู  และเครื่องสักการบูชา และมีเครื่องสังเวยเทพยดาด้วย คือ 
๑.หัวหมูพร้อมด้วยเท้าและหาง ๑ ตัว  ๒.เป็ดตุ๋น  หรือย่าง พร้อมด้วยเครื่องใน ๑ ตัว  ๓.ไก่ต้ม หรือย่าง พร้อมด้วยเครื่องใน  ๑ ตัว  ๔.ปูทะเลต้ม ๑ จาน ๕.กุ้งทะเลต้ม ๑ จาน  ๖.ปลาซ่อนแป๊ะซะ ๑ ตัว  พร้อมน้ำจิ้ม ๑ ถ้วย นอกจากนี้มีผลไม้อีก๕ อย่าง คือ  ๑.ส้ม  ๒.มังคุด ๓.องุ่น ๔.เงาะ ๕.แอปเปิ้ล และ ขนมหวานอีก๕ อย่าง มีถั่วคั่ว งาคั่ว นม เนย ฯลฯ เครื่องกระยาบวช เอาแหวน เงิน แหวนทอง ใส่ยอดบายศรี มีเทียนเงิน เทียนทอง จุดบูชา ๓ วัน นำไปไว้บน หิ้งพระ หรือโต๊ะหมู่บูชา แล้วทำการบูชาทุกเช้าค่ำ หากผู้ใดทำได้อย่างนี้จะล้ำเลิศประเสริฐนัก ปราศจากอันตรายทั้งปวง จะมีแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป 

ถ้าเป็นทหารและไปในสนามรบ ให้เอาพระห่อผ้าใส่หัวไว้ จะแคล้วคลาดปลอดภัย แม้ ปืนจะยิงมาปานห่าฝน ก็มิถูกตัวเราเลย  ถ้าหากมีศัตรู ให้เขียนชื่อศัตรูลง ในกระดาษ แล้วเอาพระนั้นทับไว้ ศัตรูนั้นจะทำอันตรายเรามิได้เลย ถ้าต้องโทษถึงตายหรือถูกยึดทรัพย์ ให้เอาพระมาสรง น้ำ แล้วเอาน้ำนั้นมากิน มาอาบ โทษร้ายจะหายสูญสิ้นแล ถ้าโทษถูกเฆี่ยนตี  ให้ระลึกถึงพระแล้วจุดธูปเทียนถวายพระ บริกรรมภาวนา๓ คาบ จะไม่ถูกเฆี่ยนเลย ถ้าจำเป็นต้องถูกเฆี่ยน ให้กลั้นใจ หยิบเอาดินใส่กระหม่อม ถึงถูกตีก็ไม่เจ็บ 

ถ้าต้องการป้องกันโจรผู้ร้ายให้จุดธูปเทียนถวายพระ แล้วอธิษฐานจิตให้ปลอดภัย  ให้ทำเป็นประจำทุกวัน ภัย ๓ ประการ คือ โจรภัย อัคคีภัย อุทกภัย จะไม่เกิดขึ้น  หากผู้ใดได้ทำตามตำรานี้แล้วผู้นั้นจะมีชีวิตที่ ราบรื่น มีความสุขความเจริญ ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน  ถ้าผู้ใดไม่เชื่อ  เสมือนเกิดมาไม่พบพระพุทธเจ้า ไม่พบพระพุทธศาสนา ผู้เป็นคนดีมีศีลธรรมจึง จะรักษาได้ คนพาลรักษาไม่ได้ (ถ้าหากจะเพิ่มความเข้มขลังยิ่งขึ้น ให้นำองค์พระ ปิดตานี้เข้าพิธีพุทธาภิเษก หรือขอบารมีพระเกจิอาจารย์ปลุกเสกเดี่ยวให้ ก็จะเป็นการเพิ่มอานุภาพพุทธคุณขึ้นอีกทางหนึ่ง) ตำรานี้เกจิโบราณาจารย์ศึกษาสืบต่อกันมาจากวัดประดู่ทรงธรรม  สมัยกรุงศรีอยุธยา...มาจนถึงทุกวันนี้



@line55