ปลัดขิกบินได้ หลวงพ่อยิด ยอดเครื่องราง “ปลัดขิกบินได้”หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก พระเกจิดังแห่งเมืองกุยบุรี ปลัดขิกทุกแบบ ปลักขิกศิวะเทพ ปลัดขิกไม้อาถรรพ์ เพชรพญาธร

ปลัดขิก" หรือ "ขุนเพ็ด" เป็นเครื่องรางของขลังที่โบราณาจารย์นิยมจัดสร้างขึ้น มีลักษณะรูปร่างแปลกตาไปจากวัตถุมงคลประเภทอื่น กล่าวคือ จะมีสัณฐานเป็นรูป "ลึงค์" หรืออวัยวะเพศชาย จะทำจากไม้มงคล กัลปังหา เขา หรืองา นิยมแขวนไว้ระดับเอวโดยจัดสร้างขึ้นมามากมายหลายขนาด ตั้งแต่เล็กจิ๋วกว่าปลายนิ้วก้อย ไปจนถึงขนาดเท่าของจริง และขนาดใหญ่โตมโหฬาร สูงท่วมหัว
ด้วยความนิยมใช้ปลัดขิก ถึงขนาดที่ว่ามีการท่องไล่เรียง "ของดี" หรือของสุดยอดของเครื่องราง ที่คู่ควรสะสมไว้ว่า "ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ เสือหลวงพ่อปาน หนุมานหลวงพ่อสุ่น วัวปั้นหุ่นวัดศีรษะทอง เบี้ยแก้กันวัดนายโรง ตะกรุดหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูง"
ปลัดขิกเด่นทั้งเรื่องเสน่ห์รุ่นแรง แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพัน กันเขี้ยวงา ป้องกันคุณไสย์ เสนียดจัญไร ภูตผีปีศาจต่างๆ ส่วนในด้านเมตตามหาเสน่ห์นั้นก็มีอยู่ครบ แต่ที่จะโดดเด่นมากที่สุดเห็นจะเป็นด้านเมตตามหาเสน่ห์ โชคลาภค้าขาย

“ปลัดขิกบินได้” หลวงพ่อยิด หรือ พระครูนิยุตธรรมสุนทร หรือ หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโน วัดหนองจอก อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ คืออีกหนึ่งพระเกจิผู้เปี่ยมด้วยวิทยาอาคมขลัง และอุทิศตนเพื่อพระบวรพุทธศาสนา ดำเนินรอยตามหลักธรรมคำสอนแห่งองค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง เป็นที่เลื่อมใสความศรัทธาของชาวประจวบคีรีขันธ์และพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ท่านสร้างและพัฒนาวัดหนองจอกจากที่รกร้างจนสำเร็จลุล่วง หลวงพ่อยิดมีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่ยุคนั้นมาจนปัจจุบัน วัตถุมงคลของท่านยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และยิ่งนับวันค่านิยมจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความศักดิ์สิทธิ์เป็นเลิศ ทั้งด้านเมตตา แคล้วคลาด และโชคลาภ ครบครัน โดยเฉพาะ “ปลัดขิก” กับคำร่ำลือว่า ‘สามารถสร้างปาฏิหาริย์บินได้’ ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในหมู่ตำรวจทหาร

หลวงพ่อยิด มีนามเดิมว่า ยิด ศรีดอกบวบ เกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ.2476 ณ วัดบ้านดอนกรวด อ.เมือง จ.เพชรบุรี โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายแก้ว-นางพร้อย ในวัยเด็กร่ำเรียนหนังสือกับพระอธิการหวล ซึ่งเป็นหลวงน้า จนอายุ 9 ขวบ จึงบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดนาพรหม โดยมี พระอธิการหวล เป็นอุปัชฌาย์ ศึกษาอักขระเลขยันต์ พระธรรมวินัย และฝึกปฏิบัติสมาธิกับ พระอธิการหวล และ ครูหลี แม้นเมฆ โดยตัวท่านมีความสนใจในด้านวิชาอาคมและสักยันต์เป็นพิเศษ นอกจากนี้ท่านยังได้ออกธุดงค์ฝึกกรรมฐานกับพระอุปัชฌาย์อีกด้วย พออายุ 14 ปี ได้ลาสิกขาออกมาช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพ ในช่วงนี้เอง หลวงพ่อยิดเริ่มมีชื่อเสียงจากการสักยันต์ เพราะเพื่อนในวัยเดียวกันได้ลองให้สักยันต์ให้ แล้วเกิดมีประสบการณ์จึงเล่ากันปากต่อปาก และมีผู้มาสักยันต์มากขึ้น เมื่ออายุครบบวชท่านจึงเข้าพิธีอุปสมบทที่วัดนาพรหม โดยมี หลวงปู่อินทร์ วัดยาง เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระอธิการหวล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา ‘จันทสุวัณโณ’
หลวงพ่อยิด ได้ศึกษาด้านวิชาอาคมเพิ่มเติม โดยฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อศุข วัดโตนดหลวง และยังได้ออกธุดงค์ศึกษากรรมฐานไปตามสถานที่วิเวกต่างๆ ในหลายพื้นที่ถึงพม่าเป็นเวลาหลายปี จนปี พ.ศ.2487 ได้ทราบข่าวการป่วยของบิดา ท่านจึงเดินทางกลับมาและได้ลาสิกขาเพื่อออกมาดูแลบิดาและมารดาในช่วงท้ายของชีวิต ได้แต่งงานมีครอบครัว ช่วงนั้นลูกศิษย์เก่าๆ พอรู้ข่าวก็มาให้ท่านสักยันต์กันเพิ่มขึ้น จนชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่กล่าวขาน ที่สุดเมื่อโยมบิดา-มารดา ถึงแก่กรรม ในปี พ.ศ.2518 หลวงพ่อยิดจึงได้เข้าพิธีอุปสมบทอีกครั้งที่วัดเกาะหลัก โดยมี หลวงพ่อเกตุ วัดเกาะหลัก เป็นพระอุปัชฌาย์

หลวงพ่อยิด จำพรรษาที่วัดทุ่งน้อย อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งต่อมาชาวบ้านหนองจอกทราบข่าว จึงยกที่ดินจำนวน 21 ไร่ 2 งาน เพื่อให้ท่านสร้างวัด สภาพเป็นพื้นที่รกร้างเต็มไปด้วยป่าไผ่และดงต้นหนาม ท่านเริ่มต้นด้วยการปลูกกุฏิหลังเล็กๆ เป็นที่พักสงฆ์ จากนั้นด้วยความร่วมแรงร่วมใจจากบรรดาญาติโยมและลูกศิษย์ลูกหาที่เคารพศรัทธา ช่วยกันแผ้วถางป่าและสร้างเสนาสนะต่างๆ จนกลายเป็นวัดที่สมบูรณ์และมีชื่อเสียงในที่สุด นอกจากนี้ ท่านยังพัฒนาจิตใจและการศึกษาของเด็กและเยาวชนอย่างเต็มที่ โดยสนับสนุนทุนการศึกษา และทุนอาหารกลางวันแก่โรงเรียนหลายแห่งใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวมทั้งร่วมสร้างสาธารณประโยชน์แก่สถานที่ราชการและหน่วยราชการต่างๆ มากมาย
พระครูนิยุตธรรมสุนทร หรือ หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโน ท่านมรณภาพลงเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2538 สิริอายุ 71 ปี พรรษาที่ 30 หลังจากนั้น ด้วยความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนและชาวบ้านในพื้นที่ จึงได้ร่วมก่อตั้ง “มูลนิธิพระครูนิยุตธรรมสุนทร (หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโณ)” เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของหลวงพ่อ ในการทำนุบำรุงพระบวรพุทธศาสนาและสร้างสาธารณประโยชน์แก่ประชาชนสืบไป
การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อยิด ท่านได้เริ่มทดลองสร้างเพื่อทดสอบพุทธคุณมาตั้งแต่สมัยเป็น ‘อาจารย์ยิด’ แต่สร้างเป็นตะกรุดเพียงไม่กี่ดอก มาเริ่มสร้างอย่างจริงจังเมื่อคราวสร้างวัดหนองจอก โดยสร้างเป็น เหรียญรูปหล่อ และปลัดขิก วัตถุทุกชนิดเมื่อผ่านการปลุกเสกจากท่านแล้ว เชื่อถือกันได้ว่า มีความขลังและศักดิ์สิทธิ์มาก ที่โด่งดังและรู้จักกันดีทั่วประเทศก็คือ “ปลัดขิก” ว่ากันว่า ท่านมีวิทยาคมแก่กล้าขนาดสามารถเสกปลัดขิกให้บินรอบวัดได้ ก่อนที่จะแจกจ่ายแก่ญาติโยม ซึ่งหลายๆ คนก็ได้ประจักษ์กับสายตามาแล้ว

ปลัดขิกหลวงพ่อยิด นั้น สร้างหลายรุ่น หลายแบบ มีทั้งวัดแกะเอง ชาวบ้านแกะมาถวาย ฯลฯ ซึ่งล้วนทรงพุทธาคมเป็นที่ปรากฏทั้งสิ้น แต่ด้านสนนราคานั้นแต่ละรุ่นแต่ละแบบก็จะแตกต่างกันไปตามค่านิยมครับผม ... ปิดท้ายด้วย “คาถาบูชาปลัดขิกหลวงพ่อยิด” โดย ตั้งนะโม 3 จบ แล้วว่า ...
อุ กัณหะเนหะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะเฮ นะฮา ปะสกที่มา สีกาที่นั่ง หัวเราะให้ดัง
อุขิกตะขัก หญิงเห็นหญิงรัก ชายเห็นชายทัก คนรักทั้งเมือง พาณิชพาไป ค้าขาย 3 เดือน ได้เลื่อนเป็นเศรษฐี
อุขิกตะขัก อุขิกตะขัก อุขิกตะขัก ฤ ฤา ฤ ฤา ฤ ฤา นิมามานิมามา นะชาลีติ สัมปะติจฉามิ