หลวงพ่อบ้านแหลม วัดบ้านแหลม จ.สมุทรสงคราม พระพุทธรูป พระพุทธรูปสำคัญของไทย

หลวงพ่อบ้านแหลม วัดเพชรสมุทร วรวิหาร จ.สมุทรสงคราม หลวงพ่อบ้านแหลม หรือ “หลวงพ่อวัดบ้านแหลม”
พระประธานในพระอุโบสถ วัดเพชรสมุทร วรวิหาร (วัดบ้านแหลม) ตำบลแม่กลอง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม
“หลวงพ่อวัดบ้านแหลม” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันทั่วไปว่า “หลวงพ่อบ้านแหลม” แห่งแม่น้ำแม่กลอง ประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ วัดเพชรสมุทร วรวิหาร (วัดบ้านแหลม) ตำบลแม่กลอง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ตามตำนานหลวงพ่อลอยน้ำ ๕ พี่น้อง พระพุทธรูป ๕ องค์ที่ลอยน้ำมาด้วยกันจากทางเหนือนั้น มีเพียงองค์เดียวที่เป็นพระพุทธรูปยืน คือ องค์ที่ลอยไปตามแม่น้ำแม่กลองแล้วขึ้นสถิตอยู่ ณ วัดเพชรสมุทร วรวิหาร (วัดบ้านแหลม) ก็คือ หลวงพ่อบ้านแหลม นั่นเอง

หลวงพ่อวัดบ้านแหลม พระพุทธรูปหล่อด้วยทองเหลือง ประทับยืนปางอุ้มบาตร ความสูงจากปลายนิ้วพระบาทถึงยอดพระเกศมาลา 170 ซ.ม. ขนาดเท่าคนจริง พุทธศิลปะผสมระหว่างสุโขทัยตอนปลายกับอยุธยาตอนต้นอันงดงามมาก พระเกศมาลาเป็นเปลวเพลิง จีวรเป็นแผงอยู่ด้านหลังมีแฉกมุข สังฆาฏิเรียบและพาดยาวลงมาถึงพระชงฆ์ ข้อพระกรทั้งสองข้างทำเป็น 2 ท่อน (สวมใส่ได้) ฐานรองตอนบนเป็นดอกบัวบาน ตอนล่างหักมุข 12 มุข เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วทั้งประเทศ โดยเฉพาะชาวเมืองแม่กลอง รวมไปถึงพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ก็ทรงให้ความเคารพศรัทธา เสด็จฯ นมัสการอยู่เป็นเนืองนิตย์ อาทิ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ และเครื่องทรงเป็นพุทธบูชา และสมเด็จเจ้าฟ้า ภานุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภานุพันธุวงศ์วรเดช ถวายบาตรแก้วสีน้ำเงิน เป็นต้น กิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของ “หลวงพ่อวัดบ้านแหลม” นั้น เป็นที่กล่าวขวัญกันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ เริ่มจากเมื่อคราวอาราธนาองค์พระจนมาประดิษฐาน ณ วัดบ้านแหลม (วัดศรีจำปา) ซึ่งเดิมเป็นป่ารกชัฏ ก็มีการพัฒนาเรื่อยมาจนเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็น
ลำดับ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของพุทธศาสนิกชนอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ยังปรากฏพุทธคุณโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้ขอพร ทั้งเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ค้าขาย เมตตามหานิยม และแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุต่างๆ ชื่อเสียงยิ่งเลื่องลือเมื่อคราวเกิด “อหิวาตกโรค” ระบาดในเมืองไทย เมื่อประมาณปี พ.ศ.2416 จึงไม่น่าแปลกใจที่วัตถุมงคลหลวงพ่อวัดบ้านแหลม มีการจัดสร้างกันหลายแบบหลายประเภทมาตั้งแต่อดีตสืบถึงปัจจุบัน ซึ่งล้วนได้รับความนิยมสะสมของบรรดาพุทธศาสนิกชนและในแวดวงนักนิยมสะสมพระเครื่องและเหรียญมาโดยตลอด โดยเฉพาะ “เหรียญหล่อรุ่นแรก ปี 2459” และ “เหรียญปั๊มรุ่นแรก ปี 2460” ที่มีค่านิยมสูงขึ้นตามกาลเวลา ผู้บูชาก็ต่างหวงแหนยิ่ง

ตามตำนานเล่ากัน มีความสัมพันธ์กับตำนานพระพุทธรูปโสธร แต่มีเพิ่มเติมจำนวนพระพุทธรูปจาก 3 องค์ เป็น 5 องค์ กล่าวคือ มีเรื่องเล่ากันมาว่า มีพระพุทธรูป 5 องค์ ลอยน้ำมาจากเมืองเหนือ เมื่อมาถึงภาคกลางก็ได้แยกย้านกันไป ประดิษฐานอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ รวม 5 จังหวัด
องค์แรกได้ลอยมาตามแม่น้ำบางปะกง และได้ประดิษฐานอยู่ที่จังหวัดโสธร ได้ชื่อว่า หลวงพ่อโสธร

องค์ที่สอง ลอยมาตามแม่น้ำนครชัยศรี และได้ไปประดิษฐานที่วัดไร่ขิง เมืองนครชัยศรี ที่เป็นอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐมในปัจจุบัน ได้ชื่อว่าหลวงพ่อวัดไร่ขิง
องค์ที่สาม ลอยมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา และได้ไปประดิษฐานที่วัดบางพลี ณ ปากคลองบางพลี อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ได้ชื่อว่าหลวงพ่อบางพลี
องค์ที่สี่ ลอยมาตามแม่น้ำแม่กลอง และได้ไปประดิษฐานที่วัดบ้านแหลม เมืองแม่กลอง ปัจจุบันคือจังหวัดสมุทรสงคราม ได้ชื่อว่าหลวงพ่อบ้านแหลม
องค์ที่ห้า ลอยมาตามแม่น้ำเพชรบุรี และได้ไปประดิษฐานที่วัดเขาตะเครา จังหวัดเพชรบุรี ได้ชื่อว่าหลวงพ่อเขาตะเครา
สำหรับหลวงพ่อบ้านแหลม มีตำนานอีกเรื่องหนึ่ง กล่าวว่า ชาวบ้านแหลมที่มาตั้งรกรากอยู่ เมื่อประมาณปี พ.ศ.2307 ส่วนใหญ่เป็นชาวประมง ซึ่งไปลากอวนหาปลาที่ปากน้ำแม่กลอง อวนได้ติดพระพุทธรูปขึ้นมาสององค์องค์หนึ่งเป็น พระพุทธรูปยืน ปางอุ้มบาตร อีกองค์หนึ่งเป็นพระพุทธรูปนั่ง จึงอาราธนาพระพุทธรูปยืนมาประดิษฐานที่ศรีจำปา ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของเมืองแม่กลอง ส่วนพระพุทธรูปนั่ง ได้มอบให้ญาติพี่น้องนำไปประดิษฐานที่วัดตะเครา เมืองเพชรบุรี
วัดศรีจำปานี้ต่อมาได้ชื่อว่าวัดบ้านแหลม แลต่อมาได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชั้นวรวิหาร และได้รับพระราชทานนามว่า วัดเพชรสมุทวรวิหาร
บาตรแก้วสีน้ำเงินที่เห็นอยู่ปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าบรมเธอกรมพระยาภาณุพันธุ์วงศ์วรเดช ได้ถวายไว้เนื่องจาก บาตรเดิมอาจจมหายอยู่ในน้ำ ก่อนที่ชาวประมงจะได้จากทะเลปากอ่าวแม่กลอง
พุทธลักษณะ“หลวงพ่อบ้านแหลม” พระประธานในพระอุโบสถ
หลวงพ่อบ้านแหลมเป็นพระพุทธรูปยืน ปางอุ้มบาตร หล่อด้วยทองเหลืองแบบสมัยสุโขทัยตอนปลาย ภายในโปร่ง ส่วนสูงประมาณ ๑๗๐ เซนติเมตร (บ้างว่าสูงประมาณ ๒ เมตร ๘๐ เซนติเมตร) แต่บาตรเดิมนั้นได้สูญหายไปในทะเลก่อนที่ชาวประมงจะได้จากทะเลปากอ่าวแม่กลอง สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุ์วงศ์วรเดช ได้เสด็จมานมัสการและได้ถวายบาตรแก้วสีเงินแก่หลวงพ่อบ้านแหลมดังปรากฏอยู่ทุกวันนี้
ความศักดิ์สิทธิ์ ของ หลวงพ่อบ้านแหลม ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อบ้านแหลมนั้นเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ไม่ว่าเป็นทางก้าวหน้าเจริญรุ่งเรือง ทางแคล้วคลาด ทางรักษาโรค และเรื่องอื่นๆ อีกมาก แม้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ก็ทรงทราบ อีกทั้ง สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๕ ก็ทรงเลื่อมใส ดังปรากฏในพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ ๖ ที่พระราชทานมายังพระครูมหาสิทธิการ (แดง) ความว่า
“ปีกลายนี้ สมเด็จพระบรมราชินีนาถได้เสด็จไปยังเมืองสมุทรสงคราม ในกระบวนหลวง ได้รับสั่งให้คนนำเครื่องสักการะไปถวายหลวงพ่อบ้านแหลม และได้รับสั่งไว้แต่ครั้งนั้นว่า ขอผลอานิสงส์ความทรงเลื่อมใส จงบันดาลให้หายประชววร ครั้นเสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ ได้ไม่นานก็หายประชวร จึงทรงระลึกถึงที่ได้ทรงตั้งสัตยาธิษฐานไว้สมพระประสงค์ โปรดพระราชทานปัจจัยเป็นมูลค่า ๘๐๐ บาท มาเพื่อช่วยในการปฏิสังขรณ์วัดบ้านแหลม ข้าพเจ้าได้ส่งมาให้ท่านพระครูทางกระทรวงธรรมการแล้ว”