หลวงพ่อโตวัดอินทร์ วัดอินทรวิหาร กรุงเทพมหานคร หลวงพ่อโตวัดอินทร์ วัดอินทรวิหาร หลวงพ่อโตองค์ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพ 1 ใน 9 วัดที่ควรมากราบสักการะในช่วงเทศกาล

หลวงพ่อโตวัดอินทร์ วัดอินทรวิหาร กรุงเทพมหานคร หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปยืน ปางอุ้มบาตร ก่อด้วยอิฐหรือปูน ประดิษฐานอยู่ที่วัดอินทรวิหาร ซึ่งเป็นวัดโบราณ ชื่อวัดบางขุนพรหมนอก อยู่ที่ตำบลบางขุนพรหม อำเภอพระนคร กรุงเทพ ฯ ตามประวัติ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) เป็นผู้สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ แต่ยังสร้างไม่เสร็จ คงสร้างค้างไว้เพียงถึงพระนาภี สูงประมาณ 9 วาเศษ พระครูจรรยานุกูล (หลวงปู่ภู) เจ้าอาวาสวัดอินทร์จึงดำเนินการสร้างต่อแต่ก็ยังไม่เสร็จ พระครูสังฆบริบาล (แดง) ได้สร้างเพิ่มเติมได้สร้างต่อจบเกือบเสร็จ ขาดเพียงยอดพระเมาลี ได้องค์พระสูงประมาณ 16 วา
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2467 พระครูสังฆรักษ์ (เงิน) เจ้าอาวาสได้ดำเนินการสร้างต่อมา ใช้เวลา 4 ปี จึงสำเร็จเรียบร้อย และได้จัดให้มีงานสมโภช เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2471
ปัจจุบันมีงานฉลองเป็นเทศกาลประจำปี ระหว่างวันที่ 1-7 เมษายน ของทุกปี

หากใครๆที่เคยผ่านไปมาบริเวณย่านเทเวศร์ย่านเก่า ก็คงจะเคยเห็นพระพุทธรูปสีทองอร่ามสวยงามสูงใหญ่ เด่นสง่ามองเห็นได้แต่ไกล ไม่ว่าจากทางฝั่งริมถนนสามเสน หรือจะขับรถลงมาจากสะพานพระราม 8 ก็สามารถมองเห็นองค์หลวงพ่อโต สัญลักษณ์สำคัญของ วัดอินทรวิหาร วัดเก่าแก่ชื่อดังประจำย่านเทเวศร์ วัดอินทรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่มาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่เดิมนั้น วัดอินทร มีชื่อว่า วัดบางขุนพรหมนอก ซึ่งมาจากชื่อตำบลบางขุนพรหมแห่งนี้ แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น วัดอินทรวิหาร เพื่อเป็นเกียรติแก่ เจ้าอินทร์ น้าชายของ เจ้าน้อยเขียวค่อม พระสนมเอกในรัชกาลที่ ๑ ชึ่งเป็นผู้บูรณะปฎิสังขรณ์วัดใหม่ และในสมัยรัชกาลที่ 4 สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) หรือหลวงพ่อโตที่เรารู้จักกันดีนั้น ได้สร้างพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร ที่มีขนาดสูงใหญ่โตมาก แต่ยังสร้างไม่เสร็จดี สมเด็จพระพุฒาจารย์โต ก็มรณภาพเสียก่อน จนมาสร้างแล้วเสร็จเรียบร้อยในสมัยรัชกาลที่ 7 และได้รับการยอมรับเป็น พระพุทธรูปปางยืนอุ้มบาตร ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นเอกลักษณ์ของวัดอินทรวิหาร จนมีชื่อเสียงโด่งดังถึงปัจจุบัน

วัดแห่งนี้เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย แต่ดั้งแต่เดิมชาวบ้านเรียกชื่อวัดกันว่า "วัดไร่พริก" เพราะสร้างอยู่ในบริเวณสวนผักของชาวจีน และต่อมาก็เปลี่ยนมาเรียกเป็น "วัดอินทาราม" ตามนามของเจ้าอินทวงศ์ โอรสของเจ้าผู้ครองนครศรีสัตนาคนหุต ผู้ซึ่งมาพำนักตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณใกล้ๆ วัด และเป็นผู้ปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ขึ้นใหม่อีกด้วย ภายในวัดเต็มไปด้วยญาติโยมที่มาทำบุญไหว้พระกันอย่างหนาแน่น และไม่เพียงแค่คนไทยเท่านั้น แต่ก็มีญาติโยมที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศหนาตาด้วยเช่นกัน และสิ่งหนึ่งที่ดูจะเป็นจุดดึงดูดความสนใจของผู้ที่มาเยี่ยมเยือนได้ก็คือ พระพุทธรูปองค์ใหญ่โตที่ยืนเด่นอยู่กลางแจ้ง ซึ่งมีนามว่า "พระศรีอริยเมตไตรย" หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "หลวงพ่อโต" นั่นเอง

บนยอดเกตุของหลวงพ่อโตองค์นี้มีพระบรมสารีริกธาตุที่รัฐบาลประเทศศรีลังกามอบให้รัฐบาลไทยประดิษฐานอยู่ ส่วนองค์ของหลวงพ่อโตนั้นก็ประดับด้วยกระจกโมเสกทองคำแท้จากประเทศอิตาลีทั้งองค์ มีการเล่าขานถึงเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อโตว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการทิ้งระเบิดตามสถานที่สำคัญต่างๆ และระเบิดก็ได้มาตกอยู่ที่บริเวณองค์หลวงพ่อโตจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ระเบิดเลยสักลูก ทำให้ชาวบ้านต่างศรัทธาในองค์หลวงพ่อโตเป็นอย่างมาก และว่ากันว่า หากต้องการบนบานกับหลวงพ่อโต ก็จะต้องแก้บนด้วยหัวปลาทู ไข่ต้ม และพวงมาลัย สิ่งที่บนไว้ก็มักจะสำเร็จ
