พระนอนวัดคูหาภิมุข พระนอนวัดคูหาภิมุข วัดคูหาภิมุข จ.ยะลา (วัดหน้าถ้ำ) น้ำตกอินทสร เหรียญพระนอน วัดถ้ำยะลา (วัดคูหาภิมุข) จ.ยะลา

พระนอนวัดคูหาภิมุข ซึ่งประชาชนทั่วไปเรียกว่า พระนอนวัดหน้าถ้ำ ประดิษฐานอยู่ภายในถ้ำวัดคูหาภิมุข อำเภอเมือง จังหวัดยะลา อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นพระนอนที่เก่าแก่ที่สุดองค์หนึ่งของประเทศไทย
ตามตำนานพื้นเมืองกล่าวว่า ในครั้งที่สร้างพระบรมธาตุเมืองนครศรีธรรมราช เจ้าเมืองต่าง ๆ ในแถบนั้น ที่ยังอยู่ในอำนาจของพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรศรีวิชัย อันได้แก่ เมืองพัทลุง ปัตตานี กลันตัน ตรังกานู ป่าหัง และเมืองไทรบุรี ได้ทราบข่าวการสร้างพระบรมธาตุดังกล่าว ใคร่จะร่วมการกุศลด้วย จึงได้พากันนำสิ่งของต่าง ๆ บรรทุกเรือสำเภา แล่นใบมายังเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อจะร่วมสร้างพระบรมธาตุ

แต่เมื่อเดินทางมาถึงก็ปรากฎว่า พระบรมธาตุได้สร้างเสร็จแล้ว บรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ ดังกล่าวเมื่อไม่ได้มีโอกาสร่วมพระบรมธาตุ ก็เดินทางกลับเมืองตนด้วยความผิดหวัง เมื่อเรือแล่นมาถึงชายทะเลแห่งหนึ่ง เห็นมีภูเขาสูงใหญ่อยู่ริมฝั่งทะเลก็พากันจอดเรือแวะพัก แล้วขึ้นไปสำรวจดูเขาลูกนั้น ก็ได้พบถ้ำใหญ่แห่งหนึ่ง ภายในถ้ำมีความวิจิตรงดงามยิ่งนัก บรรดาเจ้าเมืองต่าง ๆ เหล่านั้นจึงได้ปรึกษาหารือกันว่า เมื่อไม่ได้มีโอกาสสร้างพระบรมธาตุแล้ว ก็น่าจะมาช่วยกันสร้างพระพุทธไสยาสน์ขึ้นไว้ในถ้ำแห่งนี้ จึงได้ร่วมกันสร้างพระนอนองค์ใหญ่ ขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 1300 มีขนาดยาวประมาณ 81 ฟุต รอบองค์พระประมาณ 35 ฟุต พระบาททั้งสองซ้อนกันสูงประมาณ 10 ฟุต
ปัจจุบันเมื่อเวลาผ่านไปประมาณกว่า 1200 ปี ชายฝั่งทะเลได้ถอยห่างจากภูเขาลูกนี้ออกไป ประมาณ 40 กิโลเมตร แต่มีร่องรอยที่แสดงว่าน้ำทะเลเคยท่วมถึงบริเวณนี้ คือมีเปลือกหอยชนิดต่าง ๆ อยู่ตามผนังถ้ำด้านล่าง
พระนอนองค์นี้มีลักษณะของส่วนประกอบที่แปลกออกไปจากพระนอนองค์อื่น คือมีพญานาคแผ่พังพานอยู่เหนือเศียรพระนอน ทำให้มีผู้สันนิษฐานถึงที่มาของพระนอนองค์นี้ว่า เดิมอาจเป็นเทวรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ตามศาสนาพราหมณ์ ต่อมาเมื่อพระพุทธศาสนาได้เผยแผ่เข้ามายังดินแดนส่วนนี้ จึงได้ดัดแปลงเทวรูปดังกล่าวให้เป็นพระพุทธรูปดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
พระพุทธไสยาสน์วัดคูหาภิมุข (วัดหน้าถ้ำ) เป็นหนึ่งในสามปูชนียสถานที่สำคัญของภาคใต้ เช่นเดียวกับพระบรมธาตุเมืองนครศรีธรรมราช และพระบรมธาตุไชยาที่สุราษฎร์ธานี แสดงความรุ่งเรืองของศาสนาพุทธในบริเวณนี้มาตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีวิชัย วัดนี้เป็นวัดที่สำคัญมากของเมืองยะลา เนื่องจากเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศรีวิชัยอันเป็นสถานที่เก็บวัตถุโบราณล้ำค่า โดยในสมัยจอมพล แปลก พิบูลสงคราม ได้มีการเปลี่ยนชื่อจาก "วัดหน้าถ้ำ" เป็น "วัดคูหาภิมุข" สำหรับประวัติวัดแห่งนี้นั้น ย้อนกลับไปสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้พระยายะหริ่งมาสร้างเมืองยะลา ตั้งที่ว่าราชการ ณ บ้านท่าสาป ตำบลท่าสาป และได้มีการสร้างวัดขึ้นที่ริมเขาหน้าถ้ำขึ้นนั่นเอง ปัจจุบันวัดแห่งนี้ได้รับความสนใจจากชาวยะลารวมทั้งนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านที่นิยมเดินทางเข้ามาเพื่อชมคุณค่าของศาสนสถานที่น่าสนใจแห่งนี้ น่าชม พระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ภายในวัด ที่ปั้นด้วยดินเหนียวโดยใช้ไม่ไผ่เป็นโครง สร้างขึ้นในสมัยศรีวิชัยที่รุ่งเรืองราว พ.ศ. 1300 หรือสมัยเดียวกับพระบรมธาตุเมืองนคร มีขนาดความยาว 81 ฟุต 1 นิ้ว พระพุทธรูปสมัยศรีวิชัย สมัยสุโขทัย สมัยอู่ทอง

ภูเขากำปั่นอันเป็นภูเขาหินอ่อนสีชมพูสวยงามมาก ปัจจุบันรัฐบาลได้ให้สัมปทานแก่บริษัทเอกชน ทำหินอ่อนจำหน่าย และหินอ่อนสีชมพูจากยะลานั้นก็สวยงามและมีชื่อเสียงระดับประเทศ เมืองโบราณและศาสนสถานต่าง ๆ ซึ่งพิกัดทางภูมิศาสตร์ระบุว่า บริเวณวัดเคยเป็นแหล่งชุมชนโบราณมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ได้มีการพบเทวรูปสำริด กำแพงเมือง พระพิมพ์ดินดิบแบบทวารวดีศรีวิชัย ภาพเขียนสีพระพุทธรูปฉาย ภาพเขียนสีราชรถมีสัตว์เทียม มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 15-17 และนักโบราณคดี ได้พบภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์บริเวณถ้ำคูหาภิมุข เป็นภาพพระพุทธฉาย และภาพราชรถแกะสลักไว้บนหน้าผาภายในบริเวณถ้ำคูหาภิมุขอีกด้วย ที่ตั้ง : ตั้งอยู่เลขที่ 136 หมู่ 1 บ้านหน้าถ้ำ ตำบลหน้าถ้ำ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา สามารถเข้าชมได้ทุกวันโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
