พระนอนวัดขุนอินทประมูล วัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง พระนอนวัดขุนอินทประมูล พระพุทธไสยาสน์ที่ยาวเป็นอันดับที่สอง รองจากพระนอนจักรสีห์

พระนอนวัดขุนอินทประมูล วัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง ประดิษฐานอยู่ ณ วัดขุนอินทประมูล ตำบลอินทประมูล อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง อยู่ห่างจากตัวเมืองอ่างทองประมาณ 7 กิโลเมตร องค์พระยาว 2 เส้น 5 วา

วัดขุนอินทประมูล ตั้งอยู่ในเขตทุ่งโพธิ์ทอง ตำบลอินทประมูล จากการสันนิษฐานตามร่องรอยของซากปรักหักพังของอิฐและปูน เชื่อกันว่าสร้างขึ้นในช่วงสมัยสุโขทัย แต่เดิมบริเวณองค์พระนอนนี้จะมีวิหารปกคลุมองค์พระเอาไว้ แต่ได้เกิดเหตุไฟไหม้จนทำให้วิหารนั้นได้พังทลายลงไป เหลือไว้เพียงแต่องค์พระ ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางแจ้งตากแดกตากฝนมาเป็นเวลานับร้อยๆ ปี
ใครต่อใครเมื่อได้มายืนอยู่หน้าองค์พระนอนนี้แล้วก็ต่างมีความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ กับความยิ่งใหญ่อลังการ และวิจิตรตระการตา เป็นหนึ่งในจุดเช็กอินต้องห้ามพลาดหากมาเที่ยวอ่างทอง

วัดขุนอินทประมูล
สร้างในสมัยสุโขทัย เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยรองจากวัดบางพลีใหญ่ จังหวัดสมุทรปราการ มีความยาว 50 เมตร มีชื่อว่า “พระศรีเมืองทอง” องค์พระพุทธรูปมีลักษณะและขนาดใกล้เคียงกับพระนอนจักรสีห์ จังหวัดสิงห์บุรี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยเดียวกัน เดิมพระพุทธไสยาสน์ประดิษฐานอยู่ในวิหาร แต่ต่อมาหักพังหมดเหลือแต่เสาจึงมองดูคล้ายประดิษฐานบนโคกดิน ชาวบ้านจึงเรียกว่า โคกพระนอน เมื่อเสียกรุงครั้งที่ 1 วัดนี้ถูกไฟเผาและกลายเป็นวัดร้างกว่า 100 ปี ต่อมาสมัยพระเจ้าบรมโกศได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์และมีการบูรณะอีกครั้งในสมัยราชการที่ 5 ปัจจุบันองค์พระพุทธไสยาสน์อยู่กลางแจ้ง อาคารพังหมดแล้วเหลือแต่เสาด้านหน้าพระประธานเป็นลานกว้าง ด้านปลายพระบาทเป็นกลุ่มกุฏิสร้างขึ้นใหม่ ทางลานด้านตะวันตกถัดจากถนนเป็นอาคารโบราณตั้งอยู่บนเนินสูง บนเนินมีซากวิหารที่เหลือแต่ผนังก่ออิฐและเจดีย์เล็ก ๆ 2 องค์ สันนิษฐานว่าสร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย ตรงหน้าพระนอนมีรูปปั้นของชายคนหนึ่ง เล่ากันว่าเป็นรูปปั้นของขุนอินทประมูล นายอากรที่ยักยอกเงินหลวงนำไปสร้างวัด ครั้นพอทราบถึงพระมหากษัตริย์ทรงสอบสวน ขุนอินทประมูลไม่ยอมพูดอะไร จึงถูกลงโทษโดนเฆี่ยนจนตาย วัดนี้จึงได้ชื่อว่า “วัดขุนอินทประมูล”
จากการสันนิฐานมีความเห็นว่าได้สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา พระพักตรหันไปทางทิศเหนือ พระเศียรหันไปทางทิศตะวันออก เมื่อมองตลอดทั้งองค์มีความสง่างามมาก พระพักตรงดงามได้สัดส่วน แสดงออกถึงความมีเมตตา

ปัจจุบัน องค์พระนอนอยู่กลางแจ้งไม่มีวิหารคลุมเช่นพระนอนองค์อื่น เนื่องจากวิหารเดิมคงหักพังไปนานแล้ว ดังจะเห็นได้จาก เสาพระวิหารที่ยังปรากฎอยู่รอบองค์พระนอน รอบ ๆ องค์พระมีต้นไม้ขนาดใหญ่หลายต้นขึ้นอยู่โดยรอบ ทำให้มีความสงบร่มเย็น เหมาะแก่การไปนมัสการให้เกิดความสุข สงบ ตามธรรมชาติ ซึ่งแปลกออกไปจากบรรยากาศในพระวิหาร
