พระนอนจักรสีห์ วัดพระนอนจักรสีห์ จ.สิงห์บุรี พระนอนจักรสีห์พระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ วัดพระนอนจักรสีห์ วัดจักรสีห์ วรวิหาร จ.สิงห์บุรี

พระนอนวัดจักรสีห์ วรวิหาร จ.สิงห์บุรี เป็นพระพุทธไสยาสน์ เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่และยาวที่สุดของประเทศ สร้างมานานเก่าแก่จนไม่ทราบแน่ชัดว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล่าในทำนองนิยายปรำปรา ทำนองเดียวกันกับพระปฐมเจดีย์ เช่น กล่าวว่าพระเจ้าสิงหพาหุเป็นผู้สร้าง แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าพระเจ้าพาหุคือผู้ใด ครองเมืองอะไร ในยุคสมัยใด สันนิษฐานว่าสร้างก่อนตั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี องค์พระหันพระเศียรไปทางทิศตะวันออก ความยาว 3 เส้น 3 วา 2 ศอก 1 คืบ 7 นิ้ว
วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ตั้งอยู่ที่ตำบลจักรสีห์ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ห่างจากตัวเมือง สิงห์บุรีไปตามเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3032 (สายสิงห์บุรี - สุพรรณบุรี) ระยะทางประมาณ 4 กม. สันนิษฐานว่าวัดนี้สร้าง สมัยก่อนกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี

เหตุผลอ้างอิงในการสร้างพระนอนนี้ เพื่อเป็นที่เคารพร าลึกถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้
และสั่งสอนเผยแพร่ได้เริ่มขึ้นในประเทศอินเดียอันเป็นแหล่งก าเนิดแห่งพระพุทธศาสนา เมื่อประมาณเกือบ
๒,๐๐๐ ปี ในแคว้นคันธารราฐ ซึ่งเป็นกาลสมัยหลังจากที่พระพุทธองค์ทรงดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้วเป็นเวลา
ยาวนาน ประมาณ ๖๐๐–๗๐๐ ปี

ในชั้นต้นพุทธศาสนิกชนในอินเดียได้สร้างศาสนสถานและรูปสัญลักษณ์ขึ้นแทนพระองค์เพื่อสักการะ
บูชา เช่น รูปธรรมจักร รูปต้นโพธิ์หรือรอยพระพุทธบาท เป็นต้น ด้วยในยุคแรก ๆ นั้นคติของชาวอินเดียยัง
ไม่นิยมสร้างรูปเคารพเป็นรูปบุคคล ประกอบกับพระพุทธโอวาท ซึ่งทรงแสดงไว้แก่เหล่าสาวกเมื่อก่อนเสด็จ
เข้าสู่พระนิพพานที่ว่า พระธรรมจะเป็นสิ่งแทนพระองค์ต่อไป จึงยังไม่มีการสร้างพระพุทธรูปในระยะเริ่มแรก
พุทธกาลแม้จะมีต านานเกี่ยวกับการสร้างพระพุทธรูปซึ่งเรียกว่า พระแก่นจันทน์ ซึ่งกล่าวว่า พระเจ้าประ
เสนธิโกศล แห่งกรุงโกศลราชได้สร้างพระพุทธรูปขึ้นองค์หนึ่งด้วยแก่นจันทน์แดง ด้วยความร าลึกถึงพระพุทธ
องค์ในยามที่ยังทรงมีพระชนม์ชีพและพระพุทธองค์ก็ทรงมีพุทธานุญาตให้พระพุทธรูปแก่นจันทน์องค์นั้นเป็น
แบบอย่างการสร้างรูปเคารพเหมือนพระองค์ในครั้งหลังต่อไปได้แต่ก็ไม่มีหลักฐานโบราณวัตถุที่ประเทศอินเดีย
มารับรองสอดคล้องกับต านานพระแก่นจันทน์ พอที่จะศึกษาแบบอย่างของพระพุทธรูปได้เลยการสร้าง
พระพุทธรูปเพื่อเป็นรูปเคารพในระยะเริ่มแรก ก็ได้สร้างลักษณะท่าทางเพื่อเป็นที่ร าลึกถึงพระพุทธประวัติ หรือ
เหตุการณ์ที่ส าคัญซึ่งพุทธศาสนิกชนร าลึกถึง เช่น รูปเมื่อร าลึกถึงเหตุการณ์ก่อนตรัสรู้ ก็สร้างพระพุทธรูปนั่ง
ซ้อนพระหัตถ์เป็นกิริยาสมาธิ หรือเหตุการณ์เมื่อพระพุทธองค์ทรงชนะพญามาร ก็ท าให้เป็นพระพุทธรูปน
พระหัตถ์ขวาห้อยที่พระเพลา เพื่อแสดงว่าทรงชี้อ้างพระธรณีเป็นพยาน พระพุทธรูปท าจีบนิ้ว พระหัตถ์เป็นรูป
วงกลม เป็นที่ร าลึกถึงการปฐมเทศนา นิ้วพระหัตถ์นั้นแทนรูปธรรมจักร หรืออาการหมุนวงธรรมจักร ตลอดจน
พระพุทธรูปนอนก็เพื่อร าลึกถึงเหตุการณ์เมื่อเสด็จเข้าสู่พระนิพพาน

หลักฐานที่มีอยู่คือ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการ เมื่อปีจอ ฉศก จุลศักราช 1111 ซึ่งตรงกับปี พ.ศ. 2297 และได้เสด็จไปอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2299 เพื่อสมโภชฉลอง ต่อมาสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ได้เสด็จไปทรงนมัสการ เมื่อปี พ.ศ. 2421 ในครั้งนั้นพระวิหารและพระนอนชำรุดทรุดโทรมมาก เนื่องจากขาดการบูรณะปฏิสังขรณ์มานาน พระธรรมไตรโลก (อ้น) วัดสุทัศน ได้ทูลขอพระราชทานเงินค่านาสำหรับวัดเพื่อทำการปฏิสังขรณ์ พระองค์ก็ได้มอบถวายให้ และโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระบำราศปรปักษ์เป็นที่ปรึกษา การปฏิสังขรณ์ทำเสร็จในปี พ.ศ. 2428
การปฏิสังขรณ์ครั้งล่าสุดทำเมื่อปี พ.ศ. 2510
