เหล็กไหลอัญเชิญ คือธาตุกายสิทธิ์ที่ไม่ได้เกิดจากการสร้างของมนุษย์ แต่เกิดขึ้นผ่านพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ โดยเป็นการบวงสรวงอัญเชิญเทพยดา, สิ่งศักดิ์สิทธิ์, เจ้าป่า, เจ้าเขา, เจ้าถ้ำ และครูบาอาจารย์ ให้ท่านเมตตาแปรธาตุและส่งมอบธาตุกายสิทธิ์นั้นแก่ผู้ประกอบพิธี
เหล็กไหลประเภทนี้จึงถือเป็นของสูงที่ได้รับมอบจากภพภูมิอื่น เป็นเครื่องยืนยันถึงความเชื่อมโยงระหว่างโลกมนุษย์และโลกทิพย์ และผู้ที่จะได้ครอบครองนั้นเชื่อว่าต้องมีบุญบารมีสัมพันธ์กับธาตุกายสิทธิ์องค์นั้นๆ
เหล็กไหลที่อัญเชิญได้ในแต่ละพิธีนั้นมีหลากหลายชนิดและวรรณะ ขึ้นอยู่กับบารมีของผู้ประกอบพิธี, เจ้าภาพ และความเมตตาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยสามารถจัดลำดับความหายากได้ดังนี้
เป็นเหล็กไหลที่ หายากที่สุด และถือเป็นที่สุดของเหล็กไหลอัญเชิญ การจะได้มานั้นต้องทำพิธีอัญเชิญแบบ เจาะจงเฉพาะบุคคล โดยใช้ชื่อ-สกุล และวันเดือนปีเกิดของเจ้าภาพ หากไม่มีบุญกรรมร่วมกันมา แม้ทำพิธีก็จะไม่เสด็จลงมาให้ เหล็กไหลชนิดนี้จะลงมาให้แก่บุคคลนั้นเพียงครั้งเดียวในชีวิต จึงเป็นธาตุกายสิทธิ์เฉพาะตนอย่างแท้จริง เหมาะสำหรับผู้ที่ตั้งมั่นในการปฏิบัติธรรม รักษาศีล และหมั่นภาวนา
มีความหายากเป็นลำดับที่สาม มีลักษณะเป็นก้อนกลม สีออกเงินวาว ในหนึ่งพิธีอัญเชิญหากเสด็จลงมา มักจะลงมาเพียง 1-2 องค์เท่านั้น ผู้ที่สัมผัสพลังงานได้ หากวางไว้บนฝ่ามือจะรู้สึกได้ถึงพลังที่เคลื่อนไหวดุจมีชีวิตอยู่ภายใน
เป็น องค์ประธาน (พญา) ของเหล็กไหลในตระกูลสุริยันราชา การอัญเชิญนั้นมีความซับซ้อนและเจาะจงอย่างยิ่ง โดยผู้ที่จะเป็นเจ้าภาพอัญเชิญได้ต้องมีวันเดือนปีเกิดที่ถูกกำหนดไว้โดยเฉพาะเท่านั้น ในหนึ่งพิธีจะเสด็จลงมาเพียงองค์เดียว ถือเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มีพลังอำนาจสูงส่งอย่างยิ่ง
เป็นพญาเหล็กไหลในวรรณะแก้วที่หายากที่สุด การอัญเชิญต้องทำใน คืนวันเพ็ญ 15 ค่ำ ที่พระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น (เช่น เดือน 3, 9, 11) ทำให้ในหนึ่งปีสามารถอัญเชิญได้เพียงไม่กี่องค์
ลักษณะ: เป็นวรรณะแก้วสีเหลืองอมขาว ผิวบนขรุขระ สามารถแกะเม็ดเล็กๆ ที่ฝังอยู่ออกมาแช่น้ำผึ้งแล้วจะโตขึ้นได้
อานุภาพ: ครอบจักรวาลดุจแก้วสารพัดนึก โดดเด่นอย่างยิ่งในด้าน การค้าขาย, โชคลาภ, และความสำเร็จในธุรกิจ อีกทั้งยังช่วยปรับดวงชะตาของผู้บูชาให้พบเจอแต่สิ่งดีๆ และเป็นเกราะป้องกันพลังงานด้านลบ
เป็นเหล็กไหลแก้วที่หายากรองลงมา มีวรรณะสีเขียว จะอัญเชิญได้เฉพาะวันขึ้น 14 และ 15 ค่ำ ในเดือน 12, 1 และ 6 เท่านั้น
อานุภาพ: เป็นธาตุเย็น ช่วยให้ผู้ครอบครองและคนในครอบครัว มีสติ สมาธิดีขึ้น, จิตใจสงบ, และโดดเด่นด้านการสื่อสาร ทั้งกับตนเองและผู้อื่น รวมถึงภพภูมิต่างๆ ช่วยบรรเทาความทุกข์, โรคเครียด และโรคซึมเศร้าได้
เป็นธาตุกายสิทธิ์สีเงินตามชื่อ (หิรัญแปลว่าเงิน) มีคุณสมบัติดูดติดแม่เหล็ก ในพิธีหนึ่งๆ จะลงมาไม่เกิน 2-3 องค์ บางครั้งก็ไม่ลงมาเลย
อานุภาพ: มี พลังในการทำลายล้างสูง (ทำลายสิ่งไม่ดี, อาถรรพ์, มนต์ดำ) ผู้มีญาณสัมผัสจะรับรู้ถึงพลังงานได้ง่ายและชัดเจน
เป็นเหล็กไหลที่อาศัยในป่าลึกหรือถ้ำที่มีน้ำไหลผ่าน มีลักษณะสีดำสนิท แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
กายสิทธิ์ (แบบอัญเชิญ): ได้มาจากการทำพิธีบวงสรวงอัญเชิญโดยเฉพาะ มีฤทธิ์และพลังสูงที่สุดในกลุ่มเหล็กไหลเจ้าป่า เพราะมีเทพยดาคอยรักษาอยู่
ทนสิทธิ์ (แบบค้นหา): เป็นแร่ที่เคยมีเทวดาสถิตอยู่แต่ปัจจุบันได้สละไปแล้ว แม้พลังจะด้อยกว่าแบบกายสิทธิ์ แต่ก็ยังคงความศักดิ์สิทธิ์และหายาก
อานุภาพ: ช่วยให้เกิด ความสงบ, มีสมาธิ, แคล้วคลาด, ป้องกันภูตผีปีศาจ และคุณไสย เหล็กไหลเจ้าป่าเพศเมีย (ดูดแม่เหล็ก) จะมีอานุภาพพิเศษด้านดูดทรัพย์และเมตตามหานิยมเพิ่มเข้ามา
มีลักษณะคล้ายหินขัดเงาสีดำสนิท เป็นการผสมผสานระหว่างเหล็กไหลชนิดแก้วและโลหะ ผู้มีสัมผัสพิเศษเท่านั้นจึงจะแยกแยะได้
อานุภาพ: โดดเด่นในทางเดียวคือ ด้านสุขภาพ ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย, บำบัดอาการเจ็บป่วย และดูดซับสิ่งไม่ดีออกจากกาย หมอพื้นบ้านโบราณนิยมใช้ในการรักษาโรค
เป็นเหล็กไหลที่อัญเชิญลงมาในรูปของเนื้อโลหะ
เหล็กไหลเงินยวง: มีลักษณะเป็นก้อน สีขาวสว่างดุจเงินยวง
เหล็กไหลวัชระธาตุ: มีลักษณะเป็นแท่ง ปลายแหลมคล้ายอาวุธวัชระ
เป็นเหล็กไหลที่ได้รับการมอบให้จากเทพยดาในรูปของ "แก้ว" ที่มีสีสันและรูปทรงต่างๆ ซึ่งแต่ละสีมีความหมายและอานุภาพแตกต่างกันไป
พลังของเหล็กไหลแก้วตามสีต่างๆ:
สีน้ำเงิน: เสริมอำนาจ บารมี ผู้คนยำเกรง
สีเขียว: โชคลาภ การเงิน การงาน ความสำเร็จ
สีม่วง: ช่วยปรับธาตุในร่างกาย รักษาโรคภัยไข้เจ็บ
สีชมพู: เสริมเสน่ห์ เมตตามหานิยม
สีเหลือง: ความสำเร็จในหน้าที่การงาน การเลื่อนยศตำแหน่ง
สีแดง: เพิ่มพลังอำนาจ บารมี และพลังจิต
สีดำ: หายากที่สุด เน้นด้านการล้างอาถรรพ์ ป้องกันและปราบคุณไสย
สีส้ม/เหลือง: เป็นเกราะป้องกันภัย ทำให้มีกินมีใช้ไม่ขาด
คือการใช้พลังจิตชั้นสูงของผู้ประกอบพิธีร่วมกับบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปั้นเหล็กไหลให้สำเร็จเป็นรูปทรงต่างๆ เช่น พระสังกัจจายน์, พระอุปคุต, ท้าวเวสสุวรรณ, หรือพญาครุฑ ซึ่งเจ้าภาพผู้บูชาจะต้องมีบุญกรรมสัมพันธ์กับเทพองค์นั้นๆ จึงจะอัญเชิญสำเร็จได้
เป็นการอัญเชิญเหล็กไหลขนาดเล็ก (ทรงกลม, เม็ดข้าวสาร) เข้าไปฝังและเคลื่อนที่อยู่ภายในร่างกาย โดยจะไม่ไหลเข้าสู่ระบบทางเดินอาหาร แต่จะเคลื่อนไปตามจุดต่างๆ เพื่อให้คุณแก่ผู้บูชาโดยตรง เช่น ด้านการป้องกัน, การรักษา, สติปัญญา, หรือโชคลาภ
อาการของผู้ที่อัญเชิญเหล็กไหลเข้าตัว:
ช่วงแรก: อาจมีอาการนอนไม่หลับแต่ร่างกายยังคงปกติ หรืออาจจะนอนหลับยาวนานผิดปกติ เพื่อให้ร่างกายปรับธาตุให้เข้ากับเหล็กไหล
ระยะยาว: จะรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่เคลื่อนที่ในร่างกาย, จะได้รับการเตือนภัยเมื่อมีเหตุร้าย และจะได้รับพุทธคุณตามความสามารถของเหล็กไหลองค์นั้นๆ
การดูแล: ผู้ที่มีเหล็กไหลในตัว ควรดื่มน้ำผึ้งในวันพระ (วันขึ้น 15 ค่ำ) เพื่อเป็นการถวายอาหารแก่ท่าน
เหล็กไหลเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มีชีวิตและจิตวิญญาณ ท่านจะเลือกผู้ครอบครองที่เหมาะสม และผู้บูชาไม่ใช่ "เจ้าของ" แต่เป็น "ผู้ดูแลรักษา"
รักษาศีล: ผู้บูชาต้องเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติชอบด้วย กาย วาจา ใจ
หลีกเลี่ยงอบายมุข: เหล็กไหลไม่ชอบอยู่ในสถานเริงรมย์หรือสถานที่อโคจร หากผู้บูชาประพฤติตนไม่ดี เหล็กไหลอาจอันตรธานหายไปได้
ศรัทธาอย่างแท้จริง: การบูชาเหล็กไหลไม่ใช่เรื่องของทรัพย์สินเงินทอง แต่เป็นเรื่องของความศรัทธาและบุญสัมพันธ์
ผู้ที่สนใจสามารถนำภาพของเหล็กไหลเหล่านี้ไปให้ผู้มีญาณหรือครูบาอาจารย์ที่นับถือช่วยสื่อสารหรือตรวจสอบพลังงานได้ เพื่อเป็นการยืนยันความศักดิ์สิทธิ์ก่อนตัดสินใจบูชา เพราะเมื่อถึงเวลาอันควร หากมีวาสนาต่อกันแล้ว ผู้นั้นก็จะได้ครอบครองเองในที่สุด