พระประจำปีมะเส็ง ปางทรงรับอุทกัง (น้ำดื่ม) พระพุทธรูปปางปางทรงรับอุทกัง บูชาพระประจำปีมะเส็ง พระพุทธรูปประจำปีมะเส็ง

พระประจำปีมะเส็ง ปางทรงรับอุทกัง (น้ำดื่ม) ปางทรงรับอุทกัง เป็นพระพุทธรูปอยู่ในอิริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาทรงบาตรวางบนพระชานุ (เข่า) เป็นกิริยายื่นบาตรออกรับอุทกัง คือ รับน้ำ เป็น พระพุทธรูปประจำปีมะเส็ง

เมื่อครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับที่สวนมะม่วงของนายจุนทะ นายจุนทะได้จัดภัตราหารอันประณีตไว้ถวายพร้อมสุกรมัททวะ หลังจากที่เสวยภัตตาหารของนายจุนทะแล้ว พระพุทธองค์ ก็ทรงพระประชวรโรคโลหิตปักขัณทิกาพาธ แต่ก็เสด็จไปยังเมืองกุสินารา ระหว่างทาง ทรงกระหายน้ำเป็นกำลัง จึงรับสั่งให้พระอานนท์นำน้ำมาถวาย พระอานนท์กราบทูลว่า มีเกวียน ๕๐๐ เล่มเพิ่มข้ามแม่น้ำไป ทำให้น้ำขุ่นไม่ควรเสวย และเชิญเสด็จไปยังแม่น้ำอีกสายที่อยู่ใกล้ๆ แต่ทรงรับสั่งให้พระอานนท์ไปนน้ำมา พระอานนท์ทูลทัดทานถึง ๒ ครั้ง ครั้งที่ ๓ จึงทำตามพระบัญชา เมื่อพระอานนท์นำบาตรไปตักน้ำมาถวาย น้ำกลับใสสะอาดไม่ขุ่นมัวเป็นอัศจรรย์ พระพุทธองค์จึงเสวยน้ำนั้น
ปางนี้มีที่มาจากพุทธประวัติที่ได้กล่าวไว้ในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร ดังนี้
เมื่อครั้งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปยังเมืองปาวา ได้ประทับที่สวนมะม่วงของนายจุนทะกัมมารบุตร(จุนทะบุตรนายช่างทอง) เมื่อนายจุนทะได้ทราบข่าว จึงได้เข้าไปเฝ้าและฟังพระธรรมเทศนาจนได้บรรลุโสดาปัตติผล จึงได้กราบอาราธนาทูลนิมนต์พระพุทธองค์ รวมทั้งหมู่สงฆ์ ให้ไปรับภัตตาหารที่บ้านของตนในวันรุ่งขึ้น
รุ่งเช้าพระพุทธเจ้าทรงถือบาตร พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์เสด็จเข้าไปยังบ้านนายจุนทะ ซึ่งได้เตรียมอาหารหวานคาวอันปราณีต รวมทั้งสุกรมัททวะ เพื่อถวายเป็นภัตตาหาร พระพุทธองค์ได้รับสั่งให้ถวายสุกรมัททวะเฉพาะพระองค์เท่านั้น ที่เหลือให้นำไปฝัง ส่วนอาหารคาวหวานอื่นๆก็ให้ถวายแก่หมู่สงฆ์ นายจุนทะก็ทำตาม
หลังจากที่เสวยภัตตาหารของนายจุนทะแล้ว พระพุทธองค์ก็เกิดอาพาธอย่างร้ายแรง ทรงประชวรโรคโลหิตปักขัณฑิกาพาธ(โรคลงพระโลหิต) ใกล้จะนิพพาน แต่ก็ทรงอดกลั้นเวทนาเหล่านั้นไว้ ตรัสเรียกพระอานนท์ให้ออกเดินทางไปยังเมืองกุสินารา
แต่ในระหว่างทางทรงกระหายน้ำมาก จึงรับสั่งให้พระอานนท์ไปตักน้ำมาถวาย พระอานนท์จึงกราบทูลว่า เมื่อสักครู่มีเกวียน ๕๐๐ เล่มเพิ่งข้ามแม่น้ำไป แม่น้ำนี้เล็ก น้ำจึงขุ่น ไม่ควรเสวย และทูลให้เสด็จไปยังแม่น้ำอีกสายหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกล มีน้ำใสจืด เหมาะแก่การเสวยและสรงน้ำ พระพุทธองค์ต้องทรงรับสั่งเช่นเดิมถึง ๓ ครั้ง พระอานนท์จึงทำตามพระบัญชา แต่เมื่อพระอานนท์นำบาตรไปที่แม่น้ำก็เกิดอัศจรรย์ใจที่น้ำในแม่น้ำนั้นกลับใสสะอาด จึงได้ตักน้ำมาถวายพระพุทธองค์ แล้วกราบทูลว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ เหตุไม่เคยเป็นมาเป็นแล้ว ความที่พระตถาคตเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก
เมื่อกี้นี้ แม่น้ำนั้นถูกล้อเกวียนบดแล้ว มีน้ำน้อยขุ่นมัวไหลไปอยู่ เมื่อข้าพระองค์เข้าไปใกล้ กลับใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว ไหลไปแล้ว ขอพระผู้มีพระภาคจงเสวยน้ำเถิด ขอพระสุคตจงเสวยน้ำเถิด”
ปีมะเส็ง หรือ ปีงูเล็ก (ธาตุน้ำ) พระธาตุประจำปีเกิด คือ พระเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย


แต่ปัจจุบันนี้ สำหรับท่านที่ไม่สะดวกในเรื่องการเดินทาง ในประเทศไทยนั้นเราสามารถไปกราบไหว้ พุทธคยาจำลอง ซึ่งตั้งอยู่ที่ จ.ลำปาง ได้เเล้ว ซึ่งมีความสวยงามเทียบเท่ากับต้นแบบ
พระมหาเจดีย์พุทธคยาจำลอง ถอดแบบมาจากประเทศอินเดียทุกตารางนิ้ว ทั้งความสวยงามของสถาปัตยกรรม ไปจนถึงทิศที่ตั้ง มีเพียงอย่างเดียวที่ต่างจากองค์จริง คือ พุทธคยาที่นี้ สร้างสูงกว่าประเทศอินเดีย 1 เมตร คือสูงถึง 53 เมตร ส่วนฐานกว้าง 26 คูณ 29 เมตร เท่ากับพุทธคยาของอินเดีย

เจดีย์พุทธคยา ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางกลุ่มเจดีย์อีก 4 องค์ ก่อสร้างด้วยหินทรายสีนํ้าตาลนวล ลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยอดแหลมคล้ายยอดพระเจดีย์ ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา
พระเทพปริยัติมงคล ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดลำปาง เจ้าอาวาสวัดจองคำพระอารามหลวงบอกว่าการสร้าง พระมหาเจดีย์พุทธคยาเพื่อจะทดแทนบุญคุณแผ่นดินไทย และประกาศว่าพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านปริยัติหรือปฏิบัติ ยังคงเจริญรุ่งเรือง ที่สำคัญพุทธศาสนิกชนทั่วทุกสารทิศจะได้มีโอกาสมาสักการบูชาพระมหาเจดีย์พุทธคยาจำลอง โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการเดินทางไปถึงประเทศอินเดีย