พระประจำปีวอก ปางปฐมบัญญัติ บูชาพระประจำปีเกิดปีวอก ท่านที่เกิดปีวอกควรบูชาพระอะไร

พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบทประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ ยกฝ่าพระหัตถ์ทั้งสอง ตะแคงยื่นออกไปข้างหน้า
ในสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ที่นครเวสาลี สุทินกลันทบุตร ได้ฟังพระธรรมเทศนา บังเกิดความเลื่อมใสทูลขอบรรพชาอุปสมบท แต่บิดามารดาอยากให้สึกมาดูแลสมบัติของตระกูล พระสุทินยังยินดีในพรหมจรรย์ บิดาจึงขอทายาทเพราะหากไม่มีผู้สืบสกุล ทรัพย์สินจะถูกยึดตามธรรมเนียม พระสุทินจึงได้ร่วมประเวณีกับภรรยาเก่าตามคำขอร้องและได้บุตรชายคนหนึ่ง ต่อมาท่านรู้สึกไม่สบายใจจึงเล่าให้ภิกษุทั้งหลายทราบ ความทราบถึงพระพุทธองค์ ทรงติเตียนพระสุทิน ที่ทำกรรมที่ไม่สมควรอย่างยิ่งแก่สมณะ จึงบัญญัติสิกขาบทว่า "ภิกษุเสพเมถุนต้องขาดจากความเป็นภิกษุทันที" นับเป็นปฐมบัญญัติ คือ ข้อแรกในพระวินัยของพระภิกษุ การประพฤติของพระสุทินสมัยนั้น ถือว่ายังไม่ขาดจากความเป็นภิกษุ พระพุทธองค์ไม่ทรงเอาผิด เพราะยังมิได้มีสิกขาบทห้ามไว้ แต่ถ้าภิกษุใดทำเช่นนี้อีก ถือว่าปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุทันที

ในสมัยที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่นครเวสาลี สุทินกลันทบุตรได้ฟังพระธรรมเทศนา บังเกิดความเลื่อมใสจึงทูลขอบรรพชาอุปสมบท แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงประทานให้เพราะจะต้องขออนุญาตจากมารดาบิดาเสียก่อน สุทินจึงกลับไปที่บ้านไปขออนุญาตจากมารดาบิดาให้บรรพชาอุปสมบทแต่มารดาบิดามิยินยอมให้เพราะสุทินเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวที่จะต้องมาดูแลสมบัติของตระกูล แม้อ้อนวอน 3 ครั้งก็ไม่ยินยอมเช่นกัน สุทินจึงนอนลงกับพื้นอดอาหารเป็นเวลา 7 วัน มารดาบิดาจึงอ้อนวอนให้ล้มความตั้งใจแต่ไม่ยอม พวกเพื่อนๆมาอ้อนวอนก็ไม่ยอมอีก พวกเพื่อนๆจึงอ้อนวอนมารดาบิดาของสุทินยอมให้สุทินอุปสมบทโดบให้เหตุผลว่า ถ้าสุทินไม่ได้บวชก็จะต้องตายเป็นแน่แท้ แต่ถ้ายอมให้สุทินอุปสมบทแล้วเกิดไม่ยินดีในพรหมจรรย์ก็จะลาสิกขาบทออกมาเอง มารดาบิดาจึงยินยอมในที่สุด สุทินก็ดีใจจึงลุกขึ้นจากพื้นและทานอาหารแล้วไปเข้าเฝ้าทูลขอบรรพชาอุปสมบทจากพระพุทธองค์ เมื่อบวชแล้วจึงประพฤติปฏิบัติอย่างเคร่งครัดอยู่ที่วัชชีคาม

ต่อมาบิดามารดาอยากให้สึกมาดูแลสมบัติของตระกูล พระสุทินยังยินดีในพรหมจรรย์ บิดามารดาจึงออกอุบายต่างๆเพื่อให้พระสุทินสึกออกมาเช่นเอาทรัพย์มาล่อ นำภรรยาเก่ามาแต่งตัวสวยให้พระสุทินหลงใหลแต่ไม่สำเร็จ ต่อมามารดาพระสุทินได้รอให้ภรรยาเก่าของพระสุทินมีระดู(ประจำเดือน)ซึ่งกำหนดจะมีบุตร จึงพางนางไปหาพระสุทินที่ป่ามหาวัน นิมนต์ให้สึกแต่พระสุทินก็ไม่ยินยอมอีก มารดาจึงขอพืชพันธุ์ไว้สืบสกุลเพราะหากไม่มีผู้สืบสกุล ทรัพย์สินทั้งหมดจะถูกยึดตามธรรมเนียมของแคว้นวัชชี พระสุทินจึงคิดว่าพอทำได้เพราะไม่มีการบทบัญญัติสิกขาห้ามเสพเมถุน จึงได้ร่วมประเวณีกับภรรยาเก่าตามคำขอร้องและได้บุตรชายคนหนึ่งเรียกว่า เจ้าพืช ภรรยาของพระสุทินจึงถูกเรียกว่า มารดาของเจ้าพืช ต่อมาในภายหลังทั้งสองมารดาลูกก็ได้ออกบวชบรรลุเป็นพระอรหันต์
ต่อมาพระสุทินเกิดรู้สึกไม่สบายใจจึงเล่าให้ภิกษุทั้งหลายทราบ ภิกษุทั้งหลายก็ติเตียนพระสุทินและนำความกราบทูลแก่พระพุทธองค์ เมื่อความทราบถึงพระพุทธองค์ จึงทรงเรียกประชุมสงฆ์ ทรงไต่สวนกับพระสุทิน พระสุทินก็ยอมรับ พระพุทธองค์ก็ทรงติเตียนพระสุทินเป็นอย่างมาก(ทรงเรียกพระสุทินอย่างแรงด้วยคำว่า โมฆะบุรุษ) ที่ทำกรรมที่ไม่สมควรอย่างยิ่งแก่สมณะ จึงบัญญัติสิกขาบทว่า "ภิกษุเสพเมถุนต้องอาบัติปาราชิกคือขาดจากความเป็นภิกษุทันที" นับเป็นปฐมบัญญัติ คือ ข้อแรกในพระวินัยของพระภิกษุ การประพฤติของพระสุทินสมัยนั้นถือว่ายังไม่ขาดจากความเป็นภิกษุ พระพุทธองค์ไม่ทรงเอาผิด เพราะยังมิได้มีสิกขาบทห้ามไว้ แต่ทรงเอาไว้เป็นอาทิกัมมิกะซึ่งหมายถึงผู้ก่อเหตุให้บัญญัติสิกขาบท เป็นตัวอย่างไว้เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง แต่ถ้าภิกษุใดทำเช่นนี้อีก ถือว่าปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุทันที
--------------
พระธาตุประจำปีวอก (ปีลิง) พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม
พระธาตุพนม พระบรมธาตุเจดีย์องค์สำคัญ ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนสองฝั่งโขง บรรจุพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) ของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระมหากัสสปะเถระได้นำมาประดิษฐานไว้บนภูกำพร้า องค์พระธาตุโดดเด่นด้วยรูปทรงคล้ายกลีบบัวตูมได้มีการพบบริเวณส่วนกลางของพระธาตุพนมเป็นกล่องสำริดสำหรับใส่ผะอบ ซึ่งพบว่าซ้อนกันอยู่ถึง 6 ชั้น โดยผะอบชั้นในสุดได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้
คำไหว้บูชาพระบรมธาตุ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
ปุ ริมายะ ทักขิณายะ ปัจฉิมายะ อุตตะรายะ เหฏฐิมายะ อุปะริมายะ ทิสายะ กะปะณะศิริสะมิง ปันพะเตมะหากัสสะเปนะฐาปิตัง พุทธะอุรังคะ ธาตุง สิระสา นะมามิฯ เสตฉัตตัง สุวัณณะระชะตัง ระตะนัง ปะณีตัง พุทะอุรังคะ เจติยัง อะหัง วันทามิ สัพพะทา
