พระแม่อุมาเทวี พระแม่อุมาเทวีปางทุรคา พระแม่อุมาเทวีปางขอพร พระแม่อุมาเทวีความรัก บูชาพระแม่อุมาเทวี

พระอุมาเทวี (เทวนาครี) หรือพระศรีมหาอุมา หรือ ปาร วตี เป็นธิดาของท้าวหิมวัตและพระนางเมนกา พระอุมาเป็นชายาขององค์พระศิวะบรมเทพแห่งสวรรค์ มีพระโอรส 2 พระองค์ คือ พระบรมเทพขันทกุมาร ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการสงคราม และ พระบรมเทพศรีมหาคเนศ ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการขจัดอุปสรรคทั้งมวล พระอุมานั้นทรงมีหลายปางด้วยกันแต่ปางที่เป็นที่รู้จักมากคือ
1.ปางพระแม่กาลี (พะนางกรีกกาลราตรี) โดยมีลักษณะดังนี้ มี 10 พระกร ถืออาวุธครบมือ แลบลิ้นยาวถึงทรวงอก เครื่องประดับเป็นหัวกระโหลก สังวาลเป็นงูมีลักษณะดุร้าย
2.พระศรีมหาทุรคาเทวีโดย มีลักษณะดังนี้ มี 8 ถึง 12 พระกร ลักษณะดุทรงเสื้อ เทศกาลที่มีการบูชาพะอุมาคือเทศกาลนวราตรีคุเซราห์
อำนาจแห่งพระแม่อุมานั้น ยิ่งใหญ่หาสิ่งใดเทียบได้ พระองค์ทรงประทานชัยชนะเหนือศัตรู ประทานกำลังวังชาแห่งอิสตรี ทำลายสิ่งชั่วช้า ตลอดจนประทานบริวารและอำนาจในการปกครอง พระองค์ยังทรงประทานพรด้านความสมบูรณ์ ความอิ่มเอม ความผาสุขในการครองเรือน ครอบครัวที่เปี่ยมสุข ตลอดจนการคุ้มครองผู้ศรัทธาให้ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง

พระแม่อุมา ทรงเป็นมารดาแห่ง พระพิฆเนศ... เป็นชายาแห่ง พระศิวะ มหาเทพผู้ทำลายโลก 1 ใน 3 แห่ง พระตรีมูรติ พระแม่อุมาจึงเป็น 1 ใน 3 แห่งพระตรีศักติ ด้วย (ตรีศักติ หมายถึง พระแม่ทั้งสาม ได้แก่ พระแม่อุมา พระแม่ลักษมี พระแม่สรัสวตี) พระองค์มีวิมานสถิต ณ เขาไกรลาส เช่นเดียวกับพระศิวะเทพ มีสัญลักษณ์ประจำพระองค์คือ โยนี (ฐานรองศิวลึงก์) มีทิพยรูปเป็นหญิงที่งดงาม เปี่ยมไปด้วยความเมตตา เป็นมารดาแห่งสรรพชีวิตทั้งปวง ฉลองพระองค์ด้วยอาภรณ์หลากสีสัน ประดับด้วยทองคำอย่างวิจิตร
พาหนะแห่งพระแม่อุมาเทวี คือ เสือ อันหมายถึงพลังอำนาจ ความยิ่งใหญ่ และความสง่างาม
ศาสตราวุธ แห่งพระแม่อุมาเทวีคือ
- ตรีศูล เป็นสัญลักษณ์แห่งการปราบปรามสิ่งชั่วร้าย และ
- ดาบ คือสัญลักษณ์แห่งความเฉียบขาด เป็นผู้ตัดสิน และอยู่เหนือผู้อื่น
พระแม่อุมาเทวี (เจ้าแม่อุมา) มีอวตารอยู่หลายปาง ปางที่สำคัญที่สุดอีก 2 ปางจากพระแม่อุมา คือ ปางพระแม่ทุรคา (ทุรกา) และ ปางพระแม่กาลี (เจ้าแม่กาลี) อ่านได้จากบทความตำนานพระแม่ทุรคาและพระแม่กาลี ในบทต่อๆไป
อีกปางหนึ่งที่อยากแนะนำ แต่ไม่ค่อยมีคนไทยรู้จัก นั่นคือ ปางพระแม่อุมาตากี คือการอวตารของพระแม่อุมาเทวี ที่รวมเอาพระแม่อีก 2 พระองค์เข้าไว้ด้วย คือ พระแม่อุมา พระแม่ลักษมี พระแม่สรัสวดี ได้อวตารรวมเป็นร่างเดียวกัน เหมือนกับพระตรีมูรติ นิยมนับถือกันในหมู่ผู้นับถือนิกายศักติ หรือนิกายที่นับถือเฉพาะเทพสตรีทั้ง 3 พระองค์ว่ายิ่งใหญ่เหนือกว่า พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ อันเป็นเทพบุรุษสูงสุดแห่งศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
พาหนะแห่งพระแม่อุมาเทวี คือ เสือ อันหมายถึงพลังอำนาจ ความยิ่งใหญ่ และความสง่างาม
ศาสตราวุธ แห่งพระแม่ อุมาเทวีคือ
- ตรีศูล เป็น สัญลักษณ์แห่งการปราบปรามสิ่งชั่วร้าย และ
- ดาบ คือสัญลักษณ์แห่งความเฉียบขาด เป็นผู้ตัดสิน และอยู่เหนือผู้อื่น
การบูชาพระแม่อุมา
โต๊ะ หรือ แท่นบูชา สำหรับพระแม่อุมาเทวี ควรปูด้วย ผ้าสีขาว สีทอง สีแดง สีเงิน (หากไม่มีผ้าสำหรับปู สามารถใช้สีทาได้)
ดอกไม้ที่พระองค์โปรด คือ ดอกไม้ที่มี สีเหลือง และ สีแดง โดยเฉพาะ ดอกดาวเรือง ดอกกล้วยไม้ ดอกกุหลาบ
ควรมี ธูปหอม หรือ กำยาน ไว้จุดเพื่อถวายกลิ่นหอมด้วย และสามารถใช้ เตาน้ำมันหอม (แบบอโรม่า) เติมน้ำมันหอมระเหยแล้วจุดเพื่อถวายกลิ่นหอมได้เช่นกัน
เทศกาลสำคัญแห่งการบูชาพระแม่อุมาเทวี คือ เทศกาลนวราตรี ตรงกับวันขึ้น 1-9 ค่ำ เดือน 11 จะมีการประกอบพิธีกรรมบูชาพระแม่อุมาเทวีในอวตารต่างๆ โดยเฉพาะในประเทศอินเดียจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ไม่แพ้เทศกาลคเณศจตุรถี มีการถวายเครื่องสังเวยอย่างอลังการ สรงน้ำองค์เทวรูป สวดมนต์บูชาตลอดวันตลอดคืน มีการแห่องค์เทวรูปพระแม่อุมาไปรอบโบสถ์และรอบเมือง ผู้บูชาจะต้องทานอาหารมังสวิรัติ ผู้เคร่งครัดการบำเพ็ญจะถือศีลอดตลอดระยะเวลา 9 วัน
อาหารที่ถวาย ควรเป็นขนมที่มีรสชาติมัน ปราศจากเนื้อสัตว์ และไม่มีกลิ่นหอมแรงเกินไป สามารถนำขนมโมทกะ หรือขนมลาดู (ขนมชนิดเดียวกับที่ถวายพระพิฆเนศ) มาถวายก็ได้เช่นกัน ตลอดจนผลไม้ และธัญพืชทุกชนิด

คาถาบูชาพระแม่อุมาเทวี
มีหลายบท ให้เลือกสวดบทใดบทหนึ่ง (หรือสวดทั้งหมด)
ข้อควรจำ : ก่อนการสวดบูชาพระแม่อุมาเทวี จะต้องสวดมนต์ต่อพระพิฆเนศก่อนเสมอ
- โอม เจ มาตา ดี
- โอม ชยะ มาตา ดี
- โอม ไชย มาตา ที (หรือ ดี)
- โอม ชยะ ศรี ปารวตี มาตา
- โอม ไจ มาตา ปารวตี
- โอม มหาอุมาเทวี นมัส
- โอม มหาศักติ ปารวตี มาตา
- โอม ศรี มหาอุมาเทวี นะมะฮา
- โอม ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา เจ นะมะฮา
- โอม ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา ปิยัง มะมะ
ทุติยัมปิ ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา ปิยัง มะมะ
ตะติยัมปิ ตัสสะ ปารวตี กาลี ทุรคา ปิยัง มะมะ
(คาถาบูชาทั้งพระแม่อุมา พระแม่กาลี พระแม่ทุรคา)
- โอม โรคานะ เศษานะปะหัมสิตุษฎา
รุษตาตุกามาน สะกะลานาภีษะตาน
ตวามา ศริตานาม นะวิปันนะรานาม
ตวามา ศะริตาหะทยา ศระยะตาม ประยันติ ฯ
สำหรับท่านที่อยากจะไปกราบไหว้พระแม่อุมาเทวี นั้น ท่านสามารถไปกราบไหว้ได้ที่ วัดแขก (สีลม) วัดพระศรีมหาอุมาเทวี
ประวัติ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี
วัดพระศรีมหาอุมาเทวี ตั้งอยู่บนถนนสีลมวัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือ วัดแขกสีลม วัดของทางศาสนาฮินดูที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่บูชาพระอุมาเทวี ชายาของพระศิวะ วัดแขกนี้คาดว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัย ร.5 ราว พ.ศ. 2453-2454 โดยคณะชาวอินเดียใต้ซึ่งเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทยนานแล้ว เมื่อนายไวตีฯ และญาติมิตรที่ตั้งบ้านเรือนอยู่บนถนนสีลมมีศรัทธาจัดสร้างวัดเพื่อเป็นที่บูชาพระอุมา ตามลัทธิศักติทางศาสนาฮินดู
คณะกรรมการอาทิ นายไวตรีประเดียอะจิ นายนารายเจติ นายโกบาระตี ได้ขอแลกที่ดินของพวกตนกับสวนผักของนางปั้น อุปการโกษากร มีเจ้าแม่ศรีมหาอุมาเทวีเป็นประธานองค์เทพและเทพี (เทวี) ต่าง ๆ ได้นำมาจากประเทศอินเดีย รวมทั้งพระพิฆเนศวรองค์หนึ่งซึ่งคตินิยมของพราหมณ์ฮินดูตอนใต้ถือว่าทรงเป็นเทพที่รักษาพรหมจรรย์ตลอดกาล
สถาปัตยกรรมของวัดเป็นศิลปะโบราณของอินเดียตอนใต้ผสมผสานกัน ระหว่างสมัยโชละและปาลวะ ในอินเดียจะพบได้ในเทวาลัยตอนใต้ของประเทศโดยเฉพาะในรัฐทมิฬนาดู ภายในมีองค์พระแม่ศรีมหามารีอัมมันประดิษฐาน เป็นเทพ ประธานอยู่กลางโบสถ์แวดล้อมด้วยพระพิฆเนศ พระขันธ์กุมาร พระศิวะ พระกฤษณะ พระวิษณุ พระแม่ลักษมี และพระแม่กาลี มีเทวาลัยขนาดเล็กบริเวณกลางลานเทวสถาน ภายในเป็นที่ประดิษฐานศิวลึงค์
วัดพระศรีมหาอุมาเทวี เป็นวัดนิกายที่ผู้ก่อตั้งนับถือว่าเป็น ศักติ คือนับถือเทพสตรีเป็นหลัก เทพสตรีอย่าง พระศรีมหาอุมาเทวี หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า เจ้าแม่อุมา นั้น เป็นพระมเหสีของ พระอิศวร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น พระผู้ทำลาย ถือได้ว่าเมื่อยามที่พระองค์ทรงเสวยร่างเป็นเจ้าแม่อุมา จะเป็นเจ้าแห่งความเมตตากรุณา และงามสง่า ดังนั้นผู้มีจิตศรัทธาจึงนิยมไปกราบไหว้บูชา และขอพรมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องความรัก และ เรื่องการขอบุตรนั้น ได้ชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ และมีโอกาสจะสัมฤทธิ์สูงมากทีเดียว
ในช่วงวันขึ้น 1-9 ค่ำ เดือน 11 รวม 9 วัน 9 คืนนั้น เป็นเป็นช่วงเวลาของเทศกาลดูเซร่า หรือนวราตรี ของชาวฮินดู ซึ่งเป็นงานแห่พระแม่อุมา และเชื่อกันว่าในช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่พระแม่และขบวนเทพจะเสด็จมายังโลกเพื่อประทานพรให้กับมนุษย์