ปู่ชีวก ปู่ฤาษี พระฤาษี ปู่ชีวกโกมารภัทร คาถาปู่ชีวก ประวัติปู่ชีวก บูชาปู่ชีวก ฤาษีดัดตน ฤาษีตาไฟ ประวัติพระฤาษี

ปู่ชีวกโกมารภัจจ์ พ่อปู่ชีวก ช่วยในศษสตร์การรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ไม่ว่าโรคร้ายเพียงใด เรื้อรังเพียงใด หากได้หมอเทวดาท่านนี้รักษา อาการเจ็บไข้ได้ป่วยจะมลายหายไปสิ้น ในสมัยพุทธกาลปู่ชีวกโกมารภัจจ์จึงได้ถูกแต่งตั้งเป็นแทพย์ประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้า หมอชีวกปู่ชีวก ถูกยกย่องเป็นบรมครูแห่งแพทย์แผนโบราณ เชื่อว่าจิตวิญญาณของท่านเป็นดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิฤทธิช่วยดลบันดาลให้คนหายเจ็บป่วยได้ดียิ่ง
ผู้มีปัญหาสุขภาพส่วนตัว หรือคนในบ้านมีปัญหาสุขภาพ หรือบูชาพ่อปู่ชีวกไปให้ผู้ป่วยได้บูชา หรือบูชาพ่อปูชีวกไว้ในบ้าน ควรมีพ่อปู่ชีวกไว้บูชา และหมั่นท่องคาถาพ่อปู่ชีวกอยู่เสมอ พ่อปู่ชีวกจะช่วยป้องกันโรคภัยไม่ให้เกิดแก่ผู้บูชา และผู้คนในครอบครัว
ในอดีตกาลอันไกลโพ้นยุคสมัยของพระพุทธเจ้านามว่า "ปทุมุตตระ" มีชายคนหนึ่งเห็น ชายชราคนหนึ่งเดินเข้าออกอยู่ที่พระคันธกุฎีของพระพุทธเจ้าอยู่เป็นประจำ จึงถามให้หายสงสัย ก็ทราบว่าชายชราคนนั้นเป็น แพทย์ประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้า จึงอยากเป็นบ้าง
ชายชราจึงบอกให้หนุ่มคนนั้นจงอธิษฐานเอาเพราะหน้าที่นี้ ในช่วงพุทธกาลมีได้แค่คนเดียวเท่านั้น
ชายหนุ่มแม้จะหายสงสัยแต่ก็เข้าไปถามโดยตรงต่อพระพุทธเจ้าเรื่องการอธิษฐานบุญให้เป็นไปได้ตามที่ต้องการนั้นมีจริงหรือไม่
"ดูก่อน การอธิษฐานจิตคือ การตั้งใจมั่นว่าจะทำอะไรและตั้งใจมั่นทำในสิ่งนั้นให้สำเร็จ การกระทำเช่นนี้ย่อมส่งผลต่อชาตินี้ ชาติหน้าและภพชาติต่อไป" พระพุทธองค์ตรัสตอบ
"โอ ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายภัตตาหารแด่พระองค์ ด้วยอานิสงส์นี้ ขอให้ข้าพเจ้าได้เป็นแพทย์ประจำพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคตด้วยเถิดพระเจ้าข้า"
"เอวัง โหตุ ขอให้คำอธิษฐานสัมฤทธิ์ดังท่านปรารถนาเถิด" พระพุทธองค์กล่าวอำนวยพร
เมื่อสิ้นชีวิตไปแล้ว ชายผู้นี้ก็ไปเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฎเป็นเวลานาน ต่อมาในช่วงพุทธกาลที่เมืองไพศาลีเขาก็ได้กำเนิดขึ้นอีกครั้ง
เขาเกิดเป็นบุตรนางโสเภณีนามว่า "สาลวดี" นางนครโสเภณีผู้ทรงเกียรติแห่งเมืองราชคฤห์ โดยพระเจ้าแผ่นดินทรงแต่งตั้ง มีเงินเดือนและค่าตัวสำหรับผู้ร่วมอภิรมย์อีกคนละ ๑๐๐ กหาปณะ (ประมาณ ๔๐๐ บาท)
ด้วยเพราะไม่ได้ตั้งใจให้เกิด เมื่อเกิดมาแล้วแถมเป็นชายเสียด้วย นางจึงไม่เลี้ยง สั่งให้เอาไปทิ้งที่หน้าประตูวัง เช้าตรู่วันนั้น เจ้าฟ้าอภัยกุมาร พระโอรสของพระเจ้าพิมพิสารเสด็จไปพบเข้า จึงนำไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมตั้งชื่อให้ว่า "ชีวกโกมารภัจจ์" (ชีวะกะ) แปลว่า ผู้ยังมีชีวิตรอดมาได้ ตอนเป็นเด็ก
ชีวกเป็นคนฉลาดมีปฎิภาณเฉียบคม ถูกเด็ก ๆ ในวังด่าเสียดสีว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ จึงมีความมานะจะเอาชนะหาความรู้ใส่ตัวให้ใครดูถูกไม่ได้
เขาหนีไปกับกองคาราวานไปยังเมืองตักกสิลา ฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาแพทย์กับอาจารย์ทิศาปราโมกข์ เรียนอยู่ 7 ปีก็จบ ลาอาจารย์กลับบ้านเกิดเมืองนอน
โดยอาจารย์ให้เสบียงมานิดหน่อยหมดระหว่างทาง จึงต้องใช้วิชาความรู้ที่เรียนมารักษาโรคปวดหัวของภรรยาเศรษฐีเมืองสาเกต ที่เป็นมา 7 ปีแล้ว รักษาหมอที่ไหนก็ไม่หายสักที สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการปรุงยาขนานเดียว เขาจึงได้รับรางวัลถึง 4 พัน กหาปณะ
เมื่อกลับถึงเมืองราชคฤห์แล้วได้มีโอกาสรักษาโรคภคันทอาพาธ (โรคริดสีดวงทวาร) ของพระเจ้าพิมพิสารจนหายขาด พระเจ้าพิมพิสารจึงแต่งตั้งให้เป็นแพทย์หลวงประจำพระราชสำนัก ได้พระราชทานบำเหน็จจำนวนมาก รวมทั้งสวนมะม่วงด้วย
หมอชีวกได้ผ่าตัดเนื้องอกในลำไส้ของบุตรเศรษฐีชาวเมืองพาราณสี คนหนึ่งให้หายขาดจากโรคร้ายได้ แล้วได้ผ่าตัดสมองเศรษฐีชาวเมืองราชคฤห์คนหนึ่งจนอาการโรคปวดหัวหายขาด
ชื่อเสียงเกียรติคุณของหมอชีวกก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองว่าเป็น "หมอเทวดา" ชื่อเสียงได้ฟุ้งขจรไปยังต่างแดน ถึงเมืองอุชเชนีแคว้นอวันตีซึ่งอยู่ห่างไกล
พระเจ้าจัณฑปัชโชต กษัตริย์ผู้ดุร้ายประชวรด้วยโรคปวดพระเศียรข้างเดียวมาเป็นเวลานาน ๗ ปีแล้ว จึงส่งราชฑูตมาขอจากพระเจ้าพิมพิสารให้ไปรักษา หมอชีวกถวายการรักษาจนหายแต่ก็เกือบถูกประหารชีวิตเพราะพระเจ้าจัณฑปัชโชติไม่ชอบเนยใส หมอชีวกปรุงยาใส่เนยใสไว้

พระเจ้าจัณฑปัชโชติถึงกับสั่งคนตามล่าหาว่าหมอชีวกแกล้ง แต่หมอชีวกก็เอาชีวิตรอดกลับมาได้ด้วยปัญญาของตน
เมื่อพระเจ้าจัณฑปัชโชตหายประชวรแล้วทรงสำนึกในบุญคุณหมอชีวกจึงทรงส่งผ้ากัมพลหรือผ้าแพรเนื้อละเอียดอย่างดีสองผืนไปพระราชทานแก่หมอชีวก
หมอชีวกได้นำผ้าสองผืนนั้นไปถวายพระพุทธเจ้า จนเป็นเหตุให้พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พระภิกษุสงฆ์รับผ้าสำเร็จทำชาวบ้านถวายได้แต่บัดนั้นมาทำให้คหบดี และชาวเมืองต่างดีใจพากันนำจีวรมาถวายพระเป็นจำนวนมาก
ในสมัยนั้น พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเวฬุวัน เมื่อบำเพ็ญพุทธกิจตลอดทั้งวัน ทรงมีเวลาพักผ่อนน้อย พุทธกิจ ๕ ประการคือ
- เวลาเช้ามืด ทรงตรวจดูอุปนิสัยสัตว์โลกที่ควรโปรด
- เช้า เสด็จออกบิณฑบาต หรือโปรดสัตว์
- เวลาเย็น ทรงแสดงพระธรรมเทศนาแก่พุทธบริษัท
- เวลาค่ำ ทรงให้โอวาทแก่ภิกษุสงฆ์
- เวลาดึก ทรงแก้ปัญหาเทวดา
พระวรกายของพระพุทธองค์จึงเกิดหมักหมมด้วยสิ่งอันเป็นโทษ พระพุทธองค์ต้องเผชิญอาการท้องผูกอย่างร้ายแรงเนื่องจากนั่งนาน
พระอานนท์จึงไปหาหมอชีวกแจ้งพระอาการของพระพุทธเจ้าให้ทราบ หมอชีวกได้ไปถวายยาถ่าย พระวรกายของพระพุทธองค์ได้กลับเป็นปกติดังเดิม และได้ถวายตัวเป็นแพทย์ประจำพระองค์ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา พร้อมทั้งถวายสวนมะม่วงให้เป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าอีกด้วยโดยชื่อว่า "ชีวกอัมพวัน"
หมอชีวกได้ถวายการรักษาพระพุทธเจ้าอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระพุทธองค์ถูกพระเทวทัตลอบทำร้าย กลิ้งหินบนยอดเขาคิชฌกูฏหมายจะให้ทับพระองค์ให้สิ้นพระชนม์ แต่ก็ทำได้แค่ทำให้พระบาทของพระพุทธองค์มีพระโลหิตห้อเท่านั้นหมอชีวกได้ถวายการรักษาที่สวนมะม่วงนั้น
หมอชีวกตลอดชีวิตท่านยุ่งอยู่กับการรักษาโรคคนทั้งเมืองไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม แต่ท่านก็เป็นพระโสดาบัน ได้ใช้วิชาความรู้ที่เล่าเรียนมาบำเพ็ญประโยชน์แก่ชนหมู่มาก ช่วยเหลือผู้เจ็บไข้ไม่เลือกยากดีมีจน
ท่านได้รับยกย่องจากพระพุทธองค์ว่าเป็นเอตทัคคะในด้านเป็นที่รักของปวงชน ในที่สุด
อยากเป็นสิ่งใดท่านจงอธิษฐานและพยายามทำสิ่งนั้นให้สำเร็จเถิด หากเป็นสิ่งที่ดีงามแล้ว สิ่งนั้นย่อมสำเร็จผลแน่นอน

วิธีบูชา บรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์
พระคาถาบูชา บรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสะฯ (๓ จบ)
“โอม นะโม ชีวะโก สิระสา อะหัง กะรุณิโก สัพพะสัตตานัง
โอสะถะ ทิพพะมันตัง ปะภาโส สุริยาจันทัง โกมาระภัจโจ
ปะกาเสสิ วันทามิ ปัณฑิโต สุเมธะโส อะโรคา สุมะนา โหมิ”
ข้าพเจ้า ขอกราบไหว้นมัสการบูชาต่อองค์บรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ หมอหลวงประจำองค์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล ข้าพเจ้า (ชื่อ – นามสกุล) ขอตั้งจิตอธิษฐานกราบไหว้บูชาด้วย ความเคารพ โดยน้อมระลึกถึงองค์ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ เป็นที่ตั้ง ดุจดั่งที่บรมครูหมอ มีศรัทธาเป็นมั่นคงต่อองค์พระสัมมาในสมัยพุทธกาล ขอบารมีของบรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ ให้บรรดา โรคร้ายภัยเวรที่เกิดขึ้นในร่างกาย บรรดาโรคร้ายภัยเวรที่เกิดขึ้นภายในจิตใจ ที่ทำให้เป็นทุกข์ และโรคร้าย ภัยเวรอันเกิดจากโรคเวรโรคกรรมทั้งหมดทั้งมวลนั้น ทำให้เกิดความทุกข์กายทุกข์ใจแก่ข้าพเจ้า บิดามารดา ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ผู้มีพระคุณ ญาติสนิท มิตรสหายของข้าพเจ้า จงมลายหายสิ้นไปด้วยบารมีของ บรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ บารมีของบรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ จงคุ้มครองพิทักษ์รักษาข้าพเจ้า (ชื่อ – นามสกุล) ไปตลอดปี ตลอดไป
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้ประสบความสุขความเจริญ สุขภาพแข็งแรง สุขภาพกาย สุขภาพใจ มีความสมบูรณ์เป็นสุข ดุจดั่งพระพุทธองค์ได้ตรัสว่า “อะโรคะยา ปะระมาลาภา” ความไม่มีโรคเป็นลาภอัน ประเสริฐ ขอให้ความมีลาภอันประเสริฐ จงบังเกิดขึ้นตามคำอธิษฐานของข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ด้วยเทอญ
สิทธิกิจจัง สิทธิกัมมัง สิทธิลาโภ ชะโยนิจจัง ภะวะตุสัพพะทา
คำอธิษฐานโดย อ.ลักษณ์ เรขานิเทศ
พระคาถา อัญเชิญ ดวงจิต วิญญาณ
ปรมาจารย์ทางการแพทย์ " ชีวกโกมารภัจจ์"
โอม นะโม ชีวะโก สิระสา อะหัง กรุณิโก สัพพะสัทธานัง
โอสะถะ ทิพพะมันตัง ประภาโส สุริยาจันทัง โกมารภัจจ์โต
ประภาเสสิ วันทามิ ปัณฑิโต สุเมทะโส อะโรคา สุมนาโหมิ
( ว่า ๓ ครั้ง )
นะอะ นะวะ โรคา พยาธิ วินาสสันติ
( ว่า ๓ ครั้ง )
คาถาป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ
โอม นะโม ชีวะโก สิระสาอะหัง กะรุณิโก สัพพะสัตตานัง โอสะถะ
ทิพพะมันตัง ปะภาโส สุริยาจันทัง โกมาระวัตโต ปะกาเสสิ วันทามิ
ปัณทิโต สุเมธะโส อะโรคา สุมะมาโหมิ ประสิทธิเม
สวดภาวนา เช้า ๑ จบ ป้องกันภัยไข้เจ็บ เรียกโชคลาภ เย็น ๑ จบ ป้องกันอันตราย
คาถาป้องกันโรคของพ่อปู่ชีวกโกมารภัจจ์
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
โอมนะโม ชีวะโก สิระสา อะหัง กะรุณิโก สัพพะ สัตตานัง
โอสะถะ ทิพพะมันตัง ประภาโส สุริยาจันทัง โกมาระภัจโจ
ปะกาเสสิ วันทามิ ปัณฑิโต สุเมธะโส อะโรคา สุมะนาโหมิ (๓ จบ)
บทอธิษฐาน
ขอบารมีแห่งบรมครูหมอชีวกโกมารภัจจ์ จงคุ้มครองให้ข้าพเจ้าฯ (ชื่อ/นามสกุล) พ้นจากโรคร้ายภัยเวร
โรคเวรโรคกรรม ขอให้มีอายุมั่นขวัญยืน มีสุขภาพกายสุขภาพจิตที่ดี ขอให้อานิสงส์แห่งแรงอธิษฐานนี้
คุ้มครองข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้ ล่วงไปเมื่อหน้าเทอญ
หนังสือสวดมนต์ บรมครูแพทย์ ชีวกโกมารภัจจ์