เสด็จพ่อ ร.5 พระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ เสด็จพ่อร.5 คาถาบูชาเสด็จพ่อร.5 ประวัติเสด็จพ่อร.5 บูชาเสด็จพ่อร.5
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ พระพุทธเจ้าหลวง ทรงเป็นรัชกาลที่ 5 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ พระบรมราชสมภพเมื่อ วันอังคาร เดือน 10 แรม 3 ค่ำ ปีฉลู 20 กันยายน พ.ศ. 2396 เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 9 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นที่ 1 ในสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ เสวยราชสมบัติ เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 11 ขึ้น 15 ค่ำ ปีมะโรง (พ.ศ. 2411) รวมสิริดำรงราชสมบัติ 42 ปี เสด็จสวรรคต เมื่อวันเสาร์ เดือน 11 แรม 4 ค่ำ ปีจอ (23 ตุลาคม พ.ศ. 2453) ด้วยโรคพระวักกะ รวมพระชนมพรรษา 58 พรรษา
พระองค์ทรงปกครองอาณาประชาราษฎร ให้ร่มเย็นเป็นสุข ทรงโปรดการเสด็จประพาสต้น เพื่อให้ได้ทรงทราบถึงความเป็นอยู่ที่แท้จริงของราษฎร ทรงสนพระทัยในวิชาความรู้ และวิทยาการแขนงต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง และนำมาใช้บริหารประเทศให้ เจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็ว พระองค์จึงได้รับถวายพระราชสมัญญานามว่า สมเด็จพระปิยมหาราช และมีความหมายว่า พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบรมนามาภิไธย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพมหามงกุฎ บุรุษยรัตนราชวรวิวงศ์วรุตมพงศบริพัตร สิริวัฒนราชกุมาร
ราชวงศ์ ราชวงศ์จักรี
ครองราชย์ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2410
ระยะครองราชย์ 42 ปี
รัชกาลก่อนหน้า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลถัดไป พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
วัดประจำรัชกาล วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
ข้อมูลส่วนพระองค์
พระราชสมภพ 20 กันยายน พ.ศ. 2396
วันอังคาร เดือน 10 แรม 3 ค่ำ ปีฉลู
สวรรคต 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453
รวมพระชนมพรรษา 58 พรรษา
พระราชบิดา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชมารดา สมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์
พระมเหสี สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
พระราชโอรส/ธิดา 77 พระองค์
ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ ทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการเสียดินแดน และปลดการเป็นเมืองขึ้น ทำให้ไทยได้เป็นไทยโดยแท้ โดยเฉพาะพระราชกรณียกิจที่คนไทยไม่อาจลืมได้เลยก็คือ ' 'การเลิกทาส ''
การเลิกทาส พระราชกรณียกิจอีกชิ้นหนึ่ง ที่แสดงถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ คือ การเลิกทาส ที่ไม่มีการเสียเลือดเนื้อ โดยเริ่มให้มีตราพระราชบัญญัติพิกัดเกษียณอายุลูกทาสลูกไท ขึ้นในปี พ.ศ. 2417 โดยกำหนดให้ลูกทาสที่เกิดแต่ปีมะโรง พ.ศ. 2411 อันเป็นปีแรกที่พระองค์ครองราชย์ให้ใช้อัตราค่าตัวใหม่ตามที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติ พออายุ ครบ 8 ปี ก็ถือว่าค่าตัวเต็มค่าแล้ว การเป็นทาสอีก และระบุโทษแก่ผู้ซื้อขายไว้ด้วย
ในปี พ.ศ. 2420 เมื่อพระองค์มีชนมายุครบ 2 รอบ ได้บริจาคพระราชทรัพย์ไถ่ตัวทาสที่ขายตัวอยู่กับนายเงินคนเดียวมาครบ 25 ปี รวมทั้งลูกหลานทาสนั้น อีกทั้งพระราชทานที่ให้ทำกินด้วย พระราชดำริอันนี้ มีผู้เจริญรอยตามมาก ช่วยให้ทาสเป็นอิสระได้เร็วขึ้น อีกทางหนึ่ง
ในปี พ.ศ. 2443 โปรดให้ตราพระราชบัญญัติลักษณะทาสมณฑลตะวันตกเฉียงเหนือ ร.ศ. 119 ขึ้น โดยให้ลดค่าตัวทาสเชลยทั้งปวงในมณฑลตะวันตกเฉียงเหนือ คือ เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน ให้เป็นอัตราเดียวกันหมด และเมื่ออายุครบ 60 ปีแล้ว ก็ให้เป็นไทแก่ตัว ส่วนทาสสินไถ่ถ้ามีอายุครบ 60 ปีแล้ว ยังหาเงินมาไถ่ไม่ได้ ก็โปรดให้เป็นไทเช่นกัน
ในวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2447 ทรงประกาศลดค่าตัวทาสในมณฑลบูรพา โดยให้นายเงินลดค่าตัวทาสลงเดือนละ 4 บาท จนกว่าจะหมด และห้ามการซื้อขายทาสกันต่อไป
ในปี พ.ศ. 2448 โปรดให้ตราพระราชบัญญัติทาสรัตนโกสินทร์ศก 125 ขึ้น เพื่อใช้บังคับทั่วพระราชอาณาจักร
ด้วยพระปรีชาสามารถและการมีสายพระเนตรอันยาวไกล ในอีก 30 ปีต่อมา นับแต่มีพระราชดำริให้มีการเลิกทาส ในเมืองไทยก็ปราศจากทาสโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ประเทศไทยก็เจริญรุ่งเรืองเทียมเท่าบรรดาอารยประเทศ และรักษาความเป็นเอกราช ไว้ได้ตราบเท่าทุกวันนี้
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราชของปวงชนชาวไทย เสด็จสวรรคตในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 เมื่อมีพระชนมายุ 58 พรรษา รวมเวลาอยู่ในสิริราชสมบัตินับไดถึง 42 ปีเศษ การจากไปของพระองค์ยังความโศกเศร้ามาสู่พสกนิกร ของพระองค์โดยทั่วหน้า เมื่อถึงวันคล้ายวันสวรรคต จึงพร้อมใจกันนำพวงมาลาไปถวายบังคมพระบรมราชานุสรณ์ เพื่อรำลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณ เป็นประจำทุกปี
ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ประชาชนชาวไทยได้น้อมลำลึก กราบไหว้ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ รัฐบาลจึงได้ประกาศให้วันที่ 23 ตุลาคม เป็น "วันปิยมหาราช" โดยเป็นวันสำคัญและวันหยุดราชการวันหนึ่งของไทย
วันปิยมหาราช ตรงกับวันที่ 23 ตุลาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์จึงได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า "สมเด็จพระปิยมหาราช"ซึ่งมีความหมายว่า "พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน" ด้วยเหตุนี้เองทำให้คนที่เคารพนับถือ สมเด็จพระปิยมหาราช ต่างพากับไปถวายเครื่องสักการะ เพื่อขอพรให้ท่านคุ้มครอง
การสักการะบูชาเสด็จพ่อร.5 ความจริงแล้วควรบูชาทุกวัน หากไม่ได้บูชาทุกวันเพราะมีกิจจำเป็นก็ให้บูชาทุกวันอังคาร (ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์) และวันพฤหัสบดี (ซึ่งเป็นวันครู) และควรบูชาเสด็จพ่อร.5 เป็นประจำในทุกวันพระ แต่มีข้อแม้ว่าถ้าบูชาแล้วต้องถวายติดต่อกันไปไม่ใช่ทำๆ หยุดๆ และในวันพระให้ยกเว้นการบูชาสิ่งที่เป็นอบายมุข เช่น บุหรี่ เหล้า เป็นต้น
เครื่องสักการะให้ถวาย สิ่งที่ท่านโปรด คือ
1. น้ำมะพร้าวอ่อน
2. กล้วยน้ำว้า
3. ทองหยิบ
4. ทองหยอด
5. บรั่นดี
6. ซิการ์
7. ข้าวคลุกกะปิ
8. ดอกกุหลาบสีชมพู หรือดอกไม้ที่เป็นสีชมพูอันเป็นสีของวันพระราชสมภพ
หากใครมาบูชาท่านครั้งแรกให้จุดธูป 16 ดอก แล้วครั้งต่อไปที่มาสักการะบูชาจุดธูป 9 ดอก หรือ 5 ดอก ว่าคาถาบูชา (ตั้งจิตอธิษฐานขอสิ่งที่ต้องการจากท่าน แต่ต้องจำไว้ว่าอย่าบนบานศาลกล่าวเด็ดขาด)
พระคาถาบูชาดวงวิญญาณเสด็จพ่อรัชกาลที่ 5
"นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ" (3 จบ)
"พระสะยามะมินโท วะโร อิติ พุทธะสังมิ อิติ อะระหัง สะหัสสะกายัง วะรัง พุทโธ นะโม พุทธายะ ปิยะ มะมะ นะโม พุทธายะ" (กล่าว 3 ครั้ง)
พระคาถาบูชาพระพุทธเจ้าหลวง (แบบย่อ)
"พระสะยามะมินโท วะโร อิติ พุทธะสังมิ อิติ อะระหัง สะหัสสะกายัง วะรัง พุทโธ นะโม พุทธายะ" หรือแบบเต็ม "นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทธะตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ พระสะยามะมินโท วะโร อิติ พุทธะสังมิ อิติ อะระหัง สะหัสสะกายัง วะรัง พุทโธ นะโม พุทธายะ มาสีสะมานัง"
พระคาถาอธิษฐานขอพร แต่ห้ามบนบานเด็ดขาด
"นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ) พระสยามะมินโท วะโร อัตตัง พุทธะสังมิ อิติ อะระหัง วะรัง พุทโธ นะโม พุทธายะ ปิโย เทวามนุสสานัง"
จงเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ปิโย นาคะสัมปันนานัง จงบังเกิดความรักที่มีอนุภาคสูงสุด ปิโย พรหมานะมุตตะโม จงบังเกิดความรักกับผู้มีอำนาจท่านท้าวมหาพรหม เจ้าจอม อินทรา นาค ครุฑ และคนธรรพ์ ปินันทิยัง นะมามินัง ความรัก ความยินดี ความเมตตา จงบังเกิดในเรือนร่างข้าพเจ้าทุกส่วนแม้ปลายเส้นผม
"ปิยะ มะมะ นะโม พุทธายะ (5 จบ) ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้า (นาย นาง นางสาว) ชื่อ...นามสกุล... ต้องการให้พระองค์ท่านช่วยเรื่อง... อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะ นาเมอิ อิเมนา พุทธะตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ ปิยะ มะมะ นะโม พุทธายะ (3 จบ) พระพุทธเจ้าขอรับด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะขอให้บุญบารมีขององค์เสด็จพ่อ ร.5 สูงยิ่งๆ ขึ้น และแกร่งกล้ายิ่งๆ ขึ้น"
สถานที่สักการะเสด็จพ่อรัชกาลที่ 5 มีดังนี้
1. พระบรมรูปทรงม้า
2. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝั่งหอประชุม
3. สถาบันการแพทย์ สยามมินทราธิราช ด้านข้างรพ.ศิริราชปิยมหาราชการุณย์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (สถานีรถไฟธนบุรี)
4. ศาลาร้อยปี วัดเบญจมบพิตร
5. มหาวิทยาลัยสวนสุนันทา
6. ป้อมพระจุลจอมเกล้า
การบูชาให้จุดธูปอัญเชิญดวงพระวิญญาณมารับเครื่องสักการะบูชา ควรตั้งจิตอธิษฐานทำอย่างจริงใจและนอบน้อม ซึ่งจะนำพาความสุขความเจริญมาสู่ทั้งครอบครัว รวมถึงเรื่องต่างๆ ที่เราอยากให้สัมฤทธิ์ผลเช่นกัน