หลวงพ่อแสงธัมมสโรวัดในเตา หลวงพ่อแสง ธัมมสโร อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง วัดถ้ำพระพุทธโกษีย์ (วัดในเตา) อ.ห้วยยอด จ.ตรัง

หลวงพ่อแสง วัดถ้ำพระพุทธโกษีย์ หลวงพ่อแสง ธัมมสโร หรือ พ่อท่านแสงเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเมืองตรัง แห่ง วัดถ้ำพระพุทธโกษีย์ (วัดในเตา) อ.ห้วยยอด จ.ตรัง มีเมตตาธรรมสูง มักน้อย ถือสันโดษ มีพลังจิตที่เข้มขลังอาคมที่แก่กล้า นามของท่านจึงขจรขจายไปไกลทั่วภาคใต้

ประวัติพ่อท่านแสง วัดในเตา
พ่อท่านแสง: ชาติภูมิ หลวงปู่แสง ถือกำเนิดในสกุล บุญช่วย เมื่อปี พ.ศ.2450 โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายแดงและนางเอียด บุญช่วย บ้านเดิมอยู่ในแถบบ้านป่าเทือกเขาบรรทัด บ้านในเตา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ต่อมาเมื่อ พ่อท่านแสงอายุได้ 11 ขวบ ด.ช.แสง ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดบางทองคำ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช โดยมี หลวงปู่ทองดำ(ศุข) สุวัณโณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีวิทยาคม และยังเล่ากันว่าสามารถล่องหนหายตัวได้

หลังจากบวชแล้ว หลวงปู่แสงได้ถือธุดงควัตรตามหลวงปู่ทองดำ ตลอดมา รวมทั้งยังเดินธุดงค์ร่วมกับ หลวงปู่เขียว อินทสุวัณโณ วัดหรงบน พร้อมกันนี้ ยังได้เดินธุดงค์มาขอศึกษาวิชาอาคม สมถกรรมฐาน และขอคัดลอกตำราจากพระครูอรรถธรรมรส หรือ หลวงปู่ซัง วัดวัวหลุง ผู้เป็นเจ้าของเหรียญอันดับ 1 แห่งแดนทักษิณ กระทั่งอายุครบตามเกณฑ์ ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดวัวหลุง โดยมี หลวงปู่ซัง เป็นพระอุปัชฌาย์ และ หลวงปู่ทองดำ เป็นพระกรรมวาจารย์ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2479 หลวงปู่ซัง และ หลวงปู่ทองดำ ได้ละสังขารเป็นเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้ หลวงพ่อแสง เศร้าโศกเสียใจเป็นอันมาก ด้วยเหตุที่ขาดที่พึ่งและยังปลงไม่ตก จึงได้เดินธุดงค์ตามป่าเขาจนชีวิตแทบดับสูญ จนพ่อแม่พี่น้องต้องขอร้องให้ท่านสึกเพื่อรักษาตัว อย่างไรก็ตาม ขณะนั้นแม้จะเป็นฆราวาสทั่วไปแล้ว ท่านก็ยังไม่ทิ้งวิชาคาถาอาคมและสมุนไพรใบยา โดยได้ใช้สรรพวิชาเป็นที่พึ่งให้ชาวบ้านแถบนั้นตลอดมา จนมีเรื่อง เล่าว่า ครั้งหนึ่งพวกโจรป่าคิดที่จะปล้นบ้านของท่าน ขณะที่ได้เข้าล้อมบ้านอยู่นั้น ก็ได้บังเกิดน้ำป่าไหลมาจากทุกทิศทางมาท่วมหมู่โจรทั้ง 11 คน ซึ่งต่างก็ร้องขอชีวิตและสัญญาว่าจะเลิกเป็นโจร หลังจากนั้นไม่นานน้ำป่าอันเชี่ยวกรากก็หายวับไปกับตา

ต่อมาเมื่ออายุได้ 59 ปี ท่านเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายทางโลก จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุอีกครั้งหนึ่ง และได้ร่วมธุดงค์กับหลวงปู่เอียด ธัมมปาโล วัดหนองช้างแล่น อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นพระสงฆ์เรืองอิทธิฤทธิ์อันอเนกอนันต์ และท่านยังได้มาศึกษาสรรพวิชาไสยเวทวิทยาคม จาก พระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต ปรมาจารย์ทองเฒ่า แห่งสำนักเขาอ้อ จ.พัทลุง นอกจากนี้ ยังมี เจ้าอธิการเรือง แห่งวัดป่าพยอม จ.พัทลุง, หลวงปู่หวาน แห่งวัดบ้านนา จ.พัทลุง, พระบริสุทธิ์ศีลาจารย์ (วัน มะนะโส) แห่งวัดประสิทธิชัย จ.ตรัง
หลวงพ่อแสง ธัมมสโรท่านก็ยังได้เดินทางไปศึกษาสรรพวิชา ไสยเวทวิทยาต่างๆ ที่วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง กับ หลวงปู่เล็ก ปุญญโก แห่งวัดประดู่เรียง จ.พัทลุง และ พระอาจารย์ปาล ปาลธัมโม วัดดอนศาลา จ.พัทลุง หลวงปู่แสง เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวพุทธ ทั้งในพื้นที่จังหวัดตรัง พัทลุง นครศรีธรรมราช กระบี่ ภูเก็ต สงขลา ตลอดจนชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์ จวบจนถึง พ.ศ.2536 ท่านก็มีอาการอาพาธเนื่องจากโรคชรา และต้องเหน็ดเหนื่อยจากการรับแขกจากทุกทิศ หลวงปู่แสง ยังได้จัดสร้าง พระเครื่องวัตถุมงคลหลายรุ่น เหรียญหลวงพ่อแสงที่ล้วนมีประสบการณ์ลือลั่นอย่างกว้างขวาง หลังจากนั้นเพียง 2 ปี พ่อท่านแสงด้วยสภาพสังขารที่ร่วงโรย หลวงพ่อแสง ธัมมสโร วัดถ้ำพระพุทธโกษีย์ (วัดในเตา)ได้มรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อปี พ.ศ.2538 นำความโศกเศร้าแก่ญาติโยมและศิษยานุศิษย์โดยทั่วกัน อย่างไรก็ตาม ในห้วงเวลาที่ หลวงพ่อแสงยังมีชีวิตอยู่ มีเรื่องเล่ากล่าวขวัญเกี่ยวกับอภินิหารต่างๆ มากมาย เช่น ชาวบ้านในชุมชนบ้านในเตา จะทราบดีว่า หากมีฝนตกลงมาในขณะเวลาที่ท่านกำลังเดินบิณฑบาต แม้ฝนจะตกหนักหนาสักแค่ไหน หลวงพ่อแสง ก็ไม่เคยเปียกฝน ทั้งๆ ที่ไม่ได้กางร่ม หรือหยุดหลบฝน ณ สถานที่ใดเลย แม้หลวงปู่แสงจะมรณภาพไปนานแล้ว แต่นาม "หลวงปู่แสง ธัมมสโร" ยังอยู่ในศรัทธาของพุทธศาสนิกชนตราบจนปัจจุบัน
ปาฏิหาริย์ “พ่อท่านแสง วัดวังหอน” อ.ชะอวด ด้วยอภินิหารท่านเดินบิณฑบาตฝนตกหนักแค่ไหน ตัวท่านไม่เปียกฝนสักนิดเดียว
พ่อท่านแสง เดิมชื่อ แสง บุญช่วย เกิดวันเสาร์ เดือนแปด ปีระกา พ.ศ.2452 บิดาชื่อ แดง หรือ เส่ง บุญช่วย มารดาชื่อ เอียด บุญช่วย อาชีพทำสวน เป็นบุตรคนที่สอง มีพี่น้องทั้งหมดสามคน คนแรกเสียชีวิตตั้งแต่วัยเยาว์ คนที่สองหลวง พ่อแสง ธมฺมสโร คนที่สาม นางกิ้มส้อง ถือกำเนิดที่บ้านในเตา หมู่ที่ 4 ตำบลท่างิ้ว อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง
ต่อมาภายหลังก็ได้แบ่งเขตไปติดกับ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เมื่ออายุได้ 11 ขวบ หลวงพ่อแสงท่าน ก็ได้บรรพชาเป็น สามเณร ณ.วัดบางทองคำ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช โดยมี หลวงปู่ทองดำ(ศุข) สุวัณโณ เป็น พระอุปัชฌาย์ หลวงปู่ทองดำเป็นพระที่มีวิชาขลังมาก…สามารถล่องหนหายตัวได้เป็นที่เลื่องลือ
หลังจากบวช ท่านก็ได้ถือ ธุดงค์วัตรตาม องค์อาจารย์ของท่านตลอดมา โดยได้เดินธุดงค์ร่วมกับหลวงปู่เขียว อินทสุวัณโณ วัดหรงบน และได้เดินธุดงค์มาขอศึกษาวิชาอาคม และสมถกรรมฐาน และขอคัดลอกตำรา จากพระครูอรรถธรรมรส หลวงปู่ซัง วัดวัวหลุง ผู้เป็นเจ้าของเหรียญอันดับ1 แห่งแดนทักษิณ.. เมื่อหลวงปู่แสงอายุครบบวชก็ได้อุปสมบท ณ. วัดวัวหลุง โดยมีหลวงปู่ซัง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่ทองดำเป็นพระ กรรมวาจา แต่อนิจจา หลวงปู่ซัง และหวงปู่ทองดำองค์อาจารย์ของพ่อท่านแสงได้พากันละสังขาร ใน พศ.2479 เป็นเวลาไล่เลี่ยกัน
ในตอนนั้นพ่อท่านแสงเศร้าโศกเสียใจเป็นอันมากด้วยเหตุที่ขาดที่พึ่งและยังปลงไม่ตก จึงได้เดินธุดงค์ตามป่าเขาลำเนาไพร และได้ป่วยเรื้อรังจนชีวิตแทบดับสูญ จนพ่อแม่พี่น้อง ต้องขอร้องให้ท่านสึกเพื่อรักษาตัว ตอนที่อยู่ในฆราวาสวิสัย พ่อท่านแสง ก็ยังไม่ทิ้งวิชาคาถาอาคมสมุนไพรใบยาใช้สรรพวิชาเป็นที่พึ่งให้ชาวบ้านแถบนั้นตลอดมา มีครั้งหนึ่งพวกโจรป่า คิดที่จะปล้นบ้านของท่าน ขณะที่ได้เข้าล้อมบ้านของท่านนั้น ก็ได้บังเกิดน้ำป่าไหลมาจากทุกทิศทางมาท่วมหมู่โจรทั้ง 11 คน นั้น ต่างก็ร้องขอชีวิตจากท่าน และสัญญาว่าจะเลิกเป็นโจรนำป่าอันเชี่ยวกรากที่ท่วมท้น ก็หายวับไปกับตา
ต่อมาเมื่อท่านอายุได้ 59 ปี ท่านก็เบื่อ ฆราวาสวิสัย จึงได้เข้าอุปสมบทอีกครั้งหนึ่ง และได้ร่วมธุดงค์กับหลวงปู่เอียด ธัมมปาโล วัดหนองช้างแล่น อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นพระสงฆ์ อันเลิศด้วยอิทธิฤทธิ์ อันเอนกอนันต์ และองค์พ่อท่านแสง ยังได้มาศึกษาสรรพวิชาและไสยเวทย์วิทยาคม จากสำนักเขาอ้อ จากพระครูสังฆวิจารณ์ฉัตรทันต์บรรพต ปรมาจารย์ทองเฒ่า ผู้จำเริญยิ่งด้วยอภิญญา และเจ้าอธิการเรือง วัดป่าพยอม ผู้จำเริญยิ่งด้วยอภิญญา หลวงปู่หวาน วัดบ้านนา หลวงปู่ตาบอด ผู้ทีตาทิพย์ผู้จำเริญยิ่งด้วยอภิญญา องค์พระบริสุทธิ์ศีลาจารย์(วัน มะนะโส)ณ.วัดประสิทธิชัย จ.ตรัง ต่อมา ท่านก็ยังได้เดินทางไปศึกษาทดลอง ไสยเวทย์วิทยา ต่างๆ ที่วัดเขาอ้อ กับหลวงปู่เล็ก ปุญญโก พระอรหันต์แห่งวัดประดู่เรียงและพระอาจารย์ปาล ปาลธัมโม
หลังจากที่ได้ดำรงค์ขันธ์ร่มโพธิ์ร่มไทร ของชาวพุทธในแถบเมืองตรัง นครศรีธรรมราช กระบี่ ภู เก็ต และสงขลา ตลอดจนชาวใต้ชาวไทยใกล้ไกล ตลอดจน มาเลย์ สิงค์โปต้องยังเดินทางมาพึ่งร่มโพธิ์ แห่งองค์พ่อท่านแสง กันอยู่เสมอๆ ต่อมาภายหลังพ่อท่านได้มาอยู่ที่วัดวังหอมพุทธาราม ต.วังอ่าง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช และในปี 2536 นั้นเอง พ่อท่านแสงก็ได้อาพาธเนื่องจากโรคชรา และเนื่องจากต้องเหน็ดเหนื่อยจากการรับแขกจากทุกทิศานุทิศ สังขารที่ร่วงโรยอยู่แล้วก็ ถึงกาลดับชันธ์ลง ในปี พศ.2538 นำความโศกเศร้าอันยิ่งใหญ่ แก่ ลูกหลานและศานุศิษย์โดยทั่วกัน
เดินตากฝนไม่เปียก ชาวบ้าน แถวๆ บ้านในเตา อ.ห้วยยอด รู้กันดีว่าเมื่อฝนตกลงมาในขณะเวลาพ่อท่านแสงเดินบิณฑบาต แม้ฝนตกตกหนักหนาสักแค่ไหนพ่อท่านก็ไม่เคยเปียกฝน แม้เพียงหยด ทั้งๆ ที่ไม่ได้กางร่มหรือหยุดหลบฝน ณ.สถานที่ใดเลย ชาวบ้านแถวนั้นต่างก็เห็นกันตลอดมา จนเป็นเรื่องธรรมดา
ปัจจุบันนี้ เมื่อชาวบ้านจะจัดงานบุญครั้งใด และต้องการไม่ให้ฝนตกในงาน ก็จะมาบนบานกับองค์พ่อท่านแสงที่วัด และแก้บนด้วยการจุดปะทัด ก็จะได้สมใจหมาย คือ ฝนจะไม่ตกในงานเลย จะตกเฉพาะภายนอกบริเวณที่จัดงานเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่ประจักษ์ และเล่าขานกันมา จนถึงทุกวันนี้สรีระสังขารหลวงพ่อแสงที่ไม่เน่าเปื่อย
