พ่อท่านเขียว กิตติคุโณ วัดห้วยเงาะ กับ...ที่มาของฉายา 'เทพเจ้าฝ่ายบู๊' พ่อท่านเขียว กิตฺติคุโณ พระครูอนุศาสน์กิจจาทร
พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ หรือ พระครูอนุศาสน์กิจจาทร วัดอรัญวาสิการาม พระเกจิอาจารย์ดินแดน"ลังกาสุกะ" พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินทอง กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจชาวบ้านแถบนั้นมักเรียกท่านว่า ตาหลวง แม้ว่าท่านจะมีชื่อเสียงโด่งดังไม่เท่าหลวงพ่อคูณ แต่ก็เป็นที่รู้จักของพี่น้องชาวใต้เป็นอย่างดี คือ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ หรือ พระครูอนุศาสน์กิจจาทร อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ที่ได้รับฉายานามว่า "เทพเจ้าฝ่ายบู๊"
สำหรับที่มาของฉายานาม "เทพเจ้าฝ่ายบู๊" ของพ่อท่านเขียว เพราะท่านได้ทำนายเหตุการณ์ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้ก่อนล่วงหน้า พร้อมกับสร้างตะกรุดพิสมรหลวงปู่ทวด แจกพี่น้อง ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนมีเหตุการณ์ความไม่สงบ

และตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ ยังไม่มีผู้ใดแขวนเครื่องรางของขลังของพ่อท่านเขียว แล้วสังเวยชีวิตให้แก่เหตุการณ์ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้เลย แม้แต่คนเดียว ส่วนยิงไม่ออก ยิงไม่เข้า ยิงไม่ถูก หรือแม้แต่โดนระเบิดไม่เป็นไร มีให้เห็นอยู่ทุกวัน
พ่อท่านเขียว เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๒ ต.หน้าถ้ำ อ.เมือง จ.ยะลา บิดาชื่อนายทอง เพ็ชรภักดี มารดาชื่อ นางกิ๊ม เพ็ชรภักดี ถือกำเนิดในครอบครัวชาวนาใน จ.ยะลา เป็นบุตรคนที่ ๓ จากจำนวนทั้งหมด ๗ คน

กระทั่งอายุได้ ๒๐ ปี จึงอุปสมบทตามประเพณีนิยม ณ วัดนางโอ ปัจจุบัน คือ วัดบุพนิมิตร อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๔๙๒ ณ พัทธสีมา วัดนางโอ โดยมี พระครูมนูญสมณการ วัดพลานุภาพ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการแดง ธมฺมโชโต วัดนาประดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการทอง จนฺทโชโต วัดภมรคติวัน เป็นพระอนุสาวนาจารย์
เมื่ออุปสมบทครองผ้าเหลือง พ่อท่านเขียว ได้จำพรรษาอยู่วัดนางโอ โดยท่านได้ใช้เวลาที่ว่างจากกิจของสงฆ์ เล่าเรียนการสวดมนต์ในบทสำคัญต่างๆ รวมถึงการสวดภาณยักษ์ในแบบฉบับของภาคใต้ ซึ่งปัจจุบันไม่ค่อยได้พบกันบ่อยนัก เหมือนก่อนแล้ว กระทั่งพรรษา ๒ ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดสุนทรบัญชาราม อ.รามัญ จ.ยะลา พรรษาที่ ๓ พ่อท่านเขียว ได้ย้ายกลับมาจำพรรษาที่วัดนางโออีกครั้ง ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ กับ “ตาเลี่ยม” ฆราวาสที่เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนา อีกทั้งสรรพวิชาจากผู้เรืองพระเวทย์วิทยาคม ในเขตนั้นอีก จำนวนนับไม่ถ้วนซึ่ง

ในทางธรรม ท่านปฏิบัติเคร่งครัด ศึกษาด้านปริยัติธรรมบาลีไวยากรณ์และนักธรรม รวมถึงการสวดมนต์ สาธยายธรรม ด้วยเหตุนี้เอง พ่อท่านเขียวท่านจึงสามารถสวดปาฏิโมกข์ได้ตั้งแต่ในพรรษาที่ ๕ ท่านได้รับตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสวัดนางโอ จนกระทั่งได้เป็นเจ้าอาวาสในลำดับต่อมา
ในช่วงนี้เอง ที่ท่านได้เป็นสหธรรมมิกกับ พระครูวิสัยโสภณ (พระอาจารย์ทิม) เจ้าอาวาสวัดช้างให้ ด้วยความสนิทสนม ชอบพออัธยาศัย ไปมาหาสู่กันเสมอ ระยะทางระหว่างวัดทั้งสองไม่ไกลกันนัก โดยได้ร่วมสังฆกรรม สนทนาธรรมร่วมพิธีกรรมต่างๆ กันเสมอ
โดยเฉพาะเมื่อคราวที่พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ สร้างพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน รุ่นแรก เมื่อปี ๒๔๙๗ เพื่อแจกแก่ผู้ที่ร่วมสร้างอุโบสถ วัดช้างให้ นั้น พ่อท่านเขียว เป็นผู้หนึ่งที่ได้ร่วมงาน โดยคลุกเนื้อผสมว่าน และร่วมอยู่ในพิธีกรรมเจริญพุทธมนต์

ระหว่าง ที่ท่านพระอาจารย์ทิมอัญเชิญดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด เพื่อปลุกเสกพระเครื่องเนื้อว่าน รุ่นแรก ในปี ๒๔๙๗ และร่วมพิธีกรรมปลุกเสกอีกหลายวาระ
จนเมื่อพระอาจารย์ทิมท่านมรณภาพแล้ว ยังมีพิธีกรรมที่สำคัญอีก ๑ วาระ คือ พิธีปลุกเสกพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน รุ่นปี ๒๕๒๔ ปัจจุบันเป็นที่เสาะหากันมาก เพราะมีประสบการณ์คุ้มภยันตรายแคล้วคลาดปลอดภัย แก่ผู้ที่นับถือ
นอกจากนี้ พ่อท่านเขียว ยังได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ในหลายพิธีตลอดมา ทั้งไกลและใกล้ จนถึงปัจจุบัน
พระเครื่องหลวงปู่เขียว วัตถุมงคลยอดนิยม : ผ้ายันต์รับทรัพย์ ยันต์รับทรัพย์ และ ยันต์เพิ่มทรัพย์,ขุนช้างเจ้าทรัพย์,พระราหู,ปลัดขิก
พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ถือกำเนิดในครอบครัวชาวนาในจังหวัดยะลา เป็นบุตรคนที่ 3 จากจำนวนทั้งหมด 7 คน ดังนี้
1.นาย เชือน เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
2.นาย แก้ว เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
3.พ่อท่านเขียว กิตติคุโณ ( นามเดิม เขียว เพ็ชรภักดี )
4.นายชื่น เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
5.นายแจ๊ก เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )
6.นายสมใจ เพ็ชรภักดี( ถึงแก่กรรมแล้ว )
7.นาง สาว เพ็ชรภักดี
ส่วนใหญ่คนที่ไปกราบ พ่อท่านเขียว มักจะได้รับวัตถุมงคล จากมือพ่อท่านเขียว ส่วนใหญ่จะเป็น ปลัดขิก ผ้ายันต์รับทรัพย์ ตะกรุดนิมิตรพิสมร และหลวงพ่อทวด รุ่นต่างๆตามแต่ท่านจะเมตตา แต่ถ้าใครขอเฉพาะเจาะจงถ้าท่านมีก็จะได้ครับ เป็นการแจกทั้งสิ้น พระเครื่องส่วนใหญ่ไม่มีการเช่าหาแต่อย่างใดๆ แต่ก็จะมีพระเครื่องและวัตถุมงคลของ หลวงปู่เขียว ที่ทางวัดสร้าง หรือลูกศิษย์สร้างขึ้นนั้นจะให้เช่าบูชาที่กุฏิเจ้าอาวาส ไม่ใช่ที่กุฏิท่าน เพราะท่านไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินทอง
เล่าภูมิหลังของท่านมาพอสมควรแล้ว ก็ใคร่จะแนะนำวิชาของท่านที่ทำให้ท่านโด่งดังทั้วฟ้าเมืองไทย คือ วิชารับทรัพย์เพิ่มทรัพย์ พ่อท่านเขียวท่านนำวิชานี้มาสร้างเป็น ผ้ายันต์รับทรัพย์เพิ่มทรัพย์ การพุทธาภิเษกต้องเข้มขลัง เป็นไปตามตำราทุกประการ เพราะผ้ายันต์ของท่านนั้นสามารถพกไว้ในกระเป๋ากางเกงได้ ไม่ว่าหญิงหรือชายไม่มีเสื่อม ซึ่งมีลูกศิษย์ใกล้ชิดเคยถามท่านในข้อนี้ ท่านว่า ทองอยู่ที่ไหนก็คือทอง มิใช่หิน หรือตะกั่ว
พ่อท่านเขียว กิตติคุโณ หรือ พระครูอนุศาสน์กิจจาทร วัดหัวยเงาะ ต.ทุ่งพลา อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี หรืออีกนามที่ชาวบ้าน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขนานนามว่า เทพเจ้าฝ่ายบู๊แห่งเมือง ลังกาสุกะ ท่านเป็นพระสมถะ ไม่สะสมทรัพย์ ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรฉันก็ฉันง่าย ๆ บางทีก็แบ่งข้าวที่ท่านกำลังฉันให้สุนัขที่ท่านเลี้ยงกินด้วยกันท่านมีเมตตากับทุก ๆ คน เดือดร้อนอะไรมาท่านก็ช่วยไม่เว้นแม้สุนัขที่ถูกทอดทิ้งท่านก็รับมาเลี้ยงอย่างดี ท่านชอบสอนทุก ๆ คนที่ไปหาท่านให้ทำดี ละเว้นชั่ว ตั้งมั่นในความซื่อสัตย์กตัญญู อดออมทรัพย์สินใช้จ่ายอย่างประหยัด ดังที่ท่านเคยสอนให้เลิกใช้คำว่า “ทำมาหากิน”แต่ให้ใช้คำว่า “ทำมาหาไว้” แทน ในทำนองว่าทำมาหาไว้ อย่ากิน อย่าใช้ จนหมด นั่นเอง