พระขุนแผน กรุโรงเหล้า พุทธคุณพระขุนแผน บูชาขุนแผน พรพจุนแผนมหาเสน่ห์
พระขุนแผน อีก 1 กรุ ณ เมืองกรุงเก่า ที่ต้องกล่าวถึงเช่นกัน เพราะถือเป็น 1 ในพระพิมพ์ขุนแผนที่มีกิตติศัพท์ด้านพุทธคุณเป็นที่เลื่องลือ ทั้งยังมีเนื้อหามวลสารและพิมพ์ทรงเดียวกันกับ "พระขุนแผนเคลือบ กรุวัดใหญ่ชัยมงคล" อีกด้วย
อาจสรุปลักษณะของ “พระเครื่องสมัยกรุงศรีอยุธยา” ได้ว่า ได้รับอิทธิพลจากพระพุทธรูปโดยตรง และสร้างเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในศึกสงคราม เช่น พระขุนแผน ในการสร้างนั้นมีทั้งเนื้อโลหะ เนื้อดิน สภาพไม่สู้งดงามนัก จนสิ้นอยุธยามาเริ่มสมัยรัตนโกสินทร์ งานปฏิมากรรมจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยมีอิทธิพลจากตะวันตกเข้าผสมผสาน
คือ มีทั้งพิมพ์อกใหญ่และพิมพ์อกเล็ก จะแตกต่างกันตรงที่เป็นพระที่ยังไม่ได้เคลือบด้วยน้ำยาเท่านั้น นอกจากนี้ พระกรุนี้ยังไปตรงกับ "พระขุนแผน กรุวัดบ้านกร่าง จ.สุพรรณบุรี" แต่ต่างกันก็ตรงเนื้อมวลสารที่สร้างด้วยดินขาว ดินเหลือง และดินดำ เป็นหลัก เมื่อเผาแล้วองค์พระจะออกเป็นสีขาวแบบเนื้อกระเบื้อง ทำให้เนื้อพระมีความแกร่งมากกว่า ในวงการเรียกขานพระขุนแผนกรุนี้ว่า "กรุหลังโรงเหล้า" หรือบ้างก็เรียก "กรุโรงเหล้า"
ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2485 โรงเรียนฝึกหัดครูสตรีประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเกาะเมืองด้านหน้าติดถนนอู่ทอง ฝั่งตรงข้ามเป็น "โรงงานสุราพระนครศรีอยุธยา" ซึ่งหันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา หันหลังให้โรงเรียนฝึกหัดครูสตรี ได้ขยายและก่อสร้างอาคารเรียนเพิ่ม โดยมีผู้ควบคุมการตกแต่งสถานที่ ชื่อ ท่านอาจารย์ หลุยชมชื่น มีคนงานทั้งชาวไทยพุทธและชาวไทยอิสลาม โดยส่วนใหญ่ทำการเกลี่ยดินได้วันละ 50 สตางค์ ในสมัยนั้น
ปรากฏว่าคนงานทำการขุดแต่งโคกโบสถ์ร้างแห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยซากอิฐซากปูน ชาวบ้านเรียกกันว่า "วัดสิงห์หลาย" หรือ "วัดสิงห์ทลาย" ลึกลงไปประมาณหนึ่งเมตร คนงานพบพระเนื้อผงสีขาวและสีขาวปนชมพู กระจัดกระจายเกลื่อนเป็นร้อยๆ องค์ และพบหุ่นสิงโตทองคำปะปนอยู่ด้วยตัวหนึ่ง เนื่องจากองค์พระมีพุทธลักษณะเหมือน "พระขุนแผน" ที่ขึ้นอยู่ก่อนหน้านี้ จึงเรียกพระที่พบว่า "พระขุนแผน" และเรียกชื่อกรุตามตำแหน่งที่พบ นั่นคือ "หลังโรงเหล้า" ต่อมาหดสั้นลงเป็น "โรงเหล้า"
พระขุนแผน กรุโรงหลังเหล้า (กรุโรงเหล้า) จะมีพุทธลักษณะและพิมพ์ทรงคล้ายคลึงกับพระที่เรียกว่า "ขุนแผน" ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในเขตจังหวัดพระนคร ศรีอยุธยา คือ องค์พระประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย ภายใต้ซุ้มเรือนแก้ว อันแสดงออกถึงศิลปะสมัยอยุธยา แต่ไม่เคลือบเช่นเดียวกับพระขุนแผนกรุบ้านกร่าง สามารถแยกออกได้เป็น 2 พิมพ์ คือ"พิมพ์อกใหญ่" เนื้อขาวใบลาน และ "พิมพ์อกเล็ก" หรือ "พิมพ์แขนอ่อน" เนื้อขาวปนชมพู โดยพิมพ์อกใหญ่จะมีความแข็งแกร่งมากกว่าพิมพ์อกเล็ก
พระที่เรียกว่า "พระขุนแผน" นั้น เป็นที่ยอมรับกันทุกผู้ทุกนามในเรื่องพุทธคุณเข้มขลังที่ครบเครื่องครบครัน โดยเฉพาะด้านเมตตามหานิยมสูงส่ง มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ของพระขุนแผน ที่เรียกว่าเป็นการประชันกรุกันทีเดียว และหนึ่งในนั้นก็คือ "กรุหลังโรงเหล้า"
กรุโรงเหล้า พระขุนแผน อีก 1 กรุ ณ เมืองกรุงเก่า ที่ต้องกล่าวถึงเช่นกัน เพราะถือเป็น 1 ในพระพิมพ์ขุนแผนที่มีกิตติศัพท์ด้านพุทธคุณเด่นทางเมตตามหานิยม แคล้วคลาด มหาอุด “กันปืน” เรียกได้ว่าครอบจักรวาล
คาถาปลุกพระขุนแผนทุกพิมพ์ ทุกกรุ สั้นๆ แค่ 4 คำ กล่าว นะโม 3 จบแล้วว่า “สุ นะ โม โล” อาราธนาก่อนสวมพระขุนแผนทุกครั้งจะพบความประหลาดอันเกิดจากอานุภาพของพระขุนแผนที่ท่านบูชา
ขึ้นชื่อว่า "พระขุนแผน" แล้ว ไม่ว่ากรุไหน พิมพ์ไหน ก็เป็นที่นิยมและเสาะแสวงหากันในวงการนักนิยมสะสมพระเครื่องอย่างกว้างขวางเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว "พระขุนแผน กรุโรงหลังเหล้า (กรุโรงเหล้า)" ก็เช่นกัน