พระมหาพุทธพิมพ์ วัดเกศไชโย ที่รำลึกแห่ง ‘สมเด็จโต’บูชาพระเครื่อง วัดเกศไชโย คาถาบูชาสมเด็จพุทธาจารโต
“พระมหาพุทธพิมพ์” หรือ “หลวงพ่อโต” ประดิษฐาน ณ พระวิหาร วัดไชโยวรวิหาร หรือที่เรียกกันว่า “วัดเกศไชโย” ตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ต.ไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง ซึ่งเดิมเป็นวัดราษฎร์เก่าแก่ สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแต่ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้าง ชาวบ้านเรียกกันว่า “วัดไชโย” หรือ “วัดเกศไชโย” มาเริ่มปรากฏชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไปในสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) เมื่อครั้ง ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) มาสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่โตขึ้น เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงสถานที่ที่ท่านเจริญวัย เรียกกันว่า“หลวงพ่อโต” เมื่อประมาณปี พ.ศ.2400-2405 ขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์ที่ ‘พระเทพกวี’
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) หรือที่เรียกกันติดปากว่า “สมเด็จโต” ท่านชอบสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่โตสมนามของท่าน โดยก่อนหน้านี้ได้สร้างมาแล้วสององค์ คือ พระปางไสยาสน์ หรือ พระนอน ที่วัดสะตือจ.พระนครศรีอยุธยา และ พระยืน ที่วัดอินทรวิหาร เขตบางขุนพรหม
ที่วัดไชโยแห่งนี้ แรกเริ่มเดิมที สมเด็จโตท่านสร้างเป็นพระพุทธรูปนั่งขนาดใหญ่มาก ก่อด้วยอิฐและดิน แต่ไม่นานนักก็ทลายลงมา จึงต้องสร้างขึ้นอีกครั้งให้มีขนาดเล็กลงมาแต่ก็ยังนับว่าใหญ่มากอยู่ จนสำเร็จเป็น “หลวงพ่อโต” พระพุทธรูปศิลปะรัตนโกสินทร์ ประทับนั่งขัดสมาธิราบ ขนาดหน้าตักกว้าง 8 วา 6 นิ้ว สูงสุดถึงยอดพระรัศมี 11 วา 1 ศอก 7 นิ้ว ก่ออิฐสอดินถือปูนขาว ไม่ปิดทอง และไม่ประณีตเกลี้ยงเกลานัก ประทับนั่งอยู่กลางแจ้ง ด้วยเหตุที่วัดตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จึงสามารถมองเห็นองค์พระพุทธรูปขาวเด่นมาแต่ไกล ปรากฏในพระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ว่า "...พระใหญ่ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) สร้างนี้ รูปร่างหน้าตาไม่งามเลย...ดูที่หน้าวัด ปากเหมือนท่านขรัวโตไม่มีผิด ถือปูนขาวไม่ได้ปิดทอง ทำนองท่านไม่คิดจะปิดทอง จึงได้เจาะท่อน้ำไว้ที่พระหัตถ์..."
ต่อมา เจ้าพระยารัตนบดินทร์ (บุญรอด กัลยาณมิตร) สมุหนายก มีศรัทธาสร้างพระอุโบสถและพระวิหารวัดไชโย แต่เมื่อกระทุ้งรากพระวิหาร แรงสั่นสะเทือนทำให้องค์พระพังทลายลง ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ นายช่างฝีมือเยี่ยมสมัยนั้นมาช่วย เมื่อพิจารณาแล้วทรงให้รื้อองค์พระออกทั้งองค์ แล้ววางรากฐานใหม่ ใช้วิธีวางโครงเหล็กยึดไว้ภายในแล้วก่อขึ้นเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิซ้อนพระหัตถ์ตามลักษณะที่ ‘สมเด็จโต’ ทำไว้เดิม ซึ่งก็คือ “หลวงพ่อโต” ขนาดหน้าตัก 8 วา 7 นิ้ว ก่ออิฐถือปูนลงรักปิดทอง ที่ปรากฏอยู่จนทุกวันนี้ ทั้งได้ดำเนินการปฏิสังขรณ์วัดไชโยใหม่ทั่วทั้งพระอาราม มีการสร้างพระวิหารเป็นเรือนองค์พระพุทธรูป สูง 1 เส้นเศษ, สร้างพระอุโบสถเป็นมุขลดยื่นออกมาข้างหน้า, สร้างศาลารายรอบพระวิหาร รวม 4 หลัง, สร้างกำแพงแก้วเป็นเขตพุทธาวาส, สร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ หอสวดมนต์ หอระฆัง ศาลารายกลางวัด ศาลาท่าน้ำ จนแล้วเสร็จบริบูรณ์เมื่อปีมะเมีย พ.ศ.2437 รวมเวลาที่ปฏิสังขรณ์อยู่นาน 8 ปี
ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะของวัดไชโยขึ้นเป็นพระอารามหลวง ตั้งแต่ปีต้นของการปฏิสังขรณ์นั้น แล้วพระราชทานพระนามพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นว่า “พระมหาพุทธพิมพ์” ทรงโปรดเกล้าฯ ให้มีงานฉลองพระอารามวัดไชโยเป็นงานใหญ่ 3 วัน 3 คืน ระหว่างวันที่ 5 - 7 ตุลาคม ปี พ.ศ.2438 ต่อมาในปี พ.ศ.2531 ได้เริ่มปิดทององค์พระมหาพุทธพิมพ์ โดยดำเนินการภายใต้การควบคุมดูแลของกรมศิลปากร "พระมหาพุทธพิมพ์" หรือ "หลวงพ่อโต" นับเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอ่างทองและจังหวัดใกล้เคียงให้ความเลื่อมใสศรัทธาอย่างมาก มักมีรูปไว้กราบไหว้บูชากันแทบทุกครัวเรือน ด้วยประจักษ์ในความศักดิ์สิทธิ์อย่างถ้วนทั่ว กล่าวกันว่า น้ำมนต์ของหลวงพ่อสามารถรักษาและแก้ไขโรคเคราะห์ต่างๆ ได้ และหลวงพ่อมักเข้าฝันผู้ที่เคารพบูชาเพื่อบอกกล่าวเตือนภัยต่างๆนอกจากนี้ยังกล่าวขานกันต่อมาว่า ผู้ที่ก่อกรรมทำชั่วไว้มาก จะไม่สามารถเข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อโตได้เนื่องจากเมื่อเข้าใกล้องค์พระ จะเห็นว่าหลวงพ่อโตกำลังจะล้มลงมาทับอีกด้วย
วัดเกศไชโย ยังเป็นต้นกำเนิด “พระสมเด็จวัดเกศไชโย” อันเลื่องชื่อเป็นที่แสวงหายิ่ง รวมทั้ง “เหรียญพระมหาพุทธพิมพ์ ปี 2461” เหรียญพระพุทธที่ได้รับการยอมรับและยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิบเหรียญพระพุทธยอดนิยมของประเทศปัจจุบัน “วัดเกศไชโย” มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของสาธุชนทั่วประเทศ ที่มักแวะเวียนไปเยี่ยมชมความงดงามแห่งองค์พระและบริเวณต่างๆ ภายในพระอาราม และไม่ลืมที่จะกราบนมัสการขอพร ‘พระมหาพุทธพิมพ์’ พระพุทธรูปองค์สำคัญและศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่งของประเทศ
เครดิตอ้างอิง อ.ราม วัชรประดิษฐ์
วัดไชโยวรวิหาร อยู่บนเส้นทางสายอ่างทอง สิงห์บุรี ห่างจากอำเภอเมืองอ่างทองประมาณ 18 กิโลเมตร เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นโท เดิมเป็นวัดราษฎร์โบราณสร้างมาแต่ครั้งใดไม่ปรากฏ มีความสำคัญขึ้น มาในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรีได้สร้าง พระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่เป็นปูนขาวไม่ปิดทองไว้กลางแจ้ง ณ วัดแห่งนี้ ถึงสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จฯ มานมัสการและโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดไชโยในปี พ.ศ. 2430
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ เจ้าพระยารัตนบดินทร์ (บุญรอด) สมุหนายกเป็นแม่กองปฎิสังขรณ์ทั้งหมด พุทธศักราช 2430-2437 การกระทุ้งฐานรากเพื่อสร้างโบสถ์และวิหารทำให้พระพุทธรูปองค์โตพังทลายลงอีก
หลังจากนั้น ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ ช่างปั้นพระพุทธรูปฝีพระหัตถ์ยอดเยี่ยม มาช่วยสร้างพระพุทธรูปขึ้นใหม่ สถาปนาวัดไชโยให้เป็นพระอารามหลวงชื่อ "วัดไชโยวรวิหาร" และพระราชทานนามพระพุทธรูปว่า "พระมหาพุทธพิมพ์" อย่างไรก็ตาม คนทั่วไปก็ยังคงเรียกว่า "วัดเกษไชโย"
องค์หลวงพ่อโตประดิษฐานอยู่ในพระวิหารที่มีความสูงใหญ่สง่างามแปลกตากว่าวิหารแห่งอื่น ๆ พุทธศาสนิกชนจากที่ต่าง ๆ มานมัสการอย่างไม่ขาดสาย ติดกับด้านหน้าของพระวิหาร มีพระอุโบสถ หันด้านหน้าออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมไทยอันงดงามเช่นกัน ภายในพระอุโบสถมี ภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติ ฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ 5
ปัจจุบันวัดไชโยวรวิหารได้รับการบูรณะ ปฏิสังขรณ์ใหม่ จนมีความงามอย่างสมบูรณ์ยิ่ง
ที่สะดุดตา แล้วเป็นสัญญาลักษณ์ เห็นได้เด่นชัดก็คงไม่พ้นภายในพระวิหารวัดไชโย เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปนั่งปางสมาธิขนาดใหญ่ ชาวบ้านเรียกท่านว่า “หลวงพ่อโต” ... ก่อนจะมาเป็น “พระมหาพุทธพิมพ์” ดังที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน ... สำหรับท่านที่ไม่มีพระสมเด็จไว้บูชา ก็นิยมอัญเชิญ “พระคาถาชินบัญชร” ...
คาถาชินบัญชร
ตั้งนะโม 3 จบ >>>
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ
พระคาถาชินบัญชร ฉบับย่อ
ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา (ภาวนา 10 จบ)
พระคาถาชินบัญชร ฉบับเต็ม
ก่อนสวดให้นึกถึง หลวงปู่โต พรหมรังสี แล้วตั้งจิตอธิษฐาน ว่า
ปุตตะกาโม ละเภปุตตัง ธะนะกาโม ละเภธะนัง
อัตถิกาเย กายะ ญายะ เทวานัง ปิยะตัง สุตตะวา
อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ
มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต นะโมพุทธายะ
เริ่มสวดบทพระคาถาชินบัญชร 15 บท
ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตวา มารัง สะวาหะนัง
จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา.
ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเกเต มุนิสสะรา.
สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโลจะเน
สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร.
หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะ วามะเก.
ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะ ราหุโล
กัสสะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก.
เกสันเต ปิฏฐิภาคัสมิง สุริโย วะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน โสภิโต มุนิปุงคะโว
กุมาระกัสสโป เถโร มะเหสี จิตตะ วาทะโก
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิคุณากะโร.
ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ อุปาลี นันทะ สีวะลี
เถรา ปัญจะ อิเม ชาตา นะลาเต ติละกา มะมะ.
เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา
เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชิโนระสา
ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา.
ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะ สุตตะกัง
ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง
ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะ สุตตะกัง
อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา
ชินา นานาวะระสังยุตตา สัตตัปปาการะ ลังกะตา
วาตะปิตตาทะสัญชาตา พาหิรัช ฌัตตุปัททะวา.
อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะ เตชะสา
วะสะโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร.
ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะฮี ตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสาสะภา.
อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข
ชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว
ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ
สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะราโย
สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ.
การหัดสวด คาถาชินบัญชร ควรจะเริ่มสวดในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือเป็นวันครูและให้เตรียมดอกไม้ 3 สี หรือดอกบัว 9 ดอก หรือดอกมะลิ 1 กำ จุดธูป 3 5 ถึง 9 ดอก เทียน 2 เล่ม จากนั้นให้จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยโดยการตั้งนะโม 3 จบ ต่อด้วยบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ จากนั้นตั้งจิตนึกถึงสมเด็จโต
พระคาถานี้เป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ตกทอดมาจากลังกา ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯค้นพบในคัมภีร์โบราณและได้ดัดแปลงแต่งเติมให้ดีขึ้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ผู้ใดสวดภาวนาพระคาถานี้เป็นประจำสม่ำเสมอจะทำให้เกิดความสิริมงคลแก่ตนเอง ศัตรูไม่กล้ากล้ำกราย มีเมตตามหานิยม ขจัดภัยตลอดจนคุณไสยต่างๆ เพื่อให้เกิดอานุภาพยิ่งขึ้น ก่อนเจริญภาวนาให้ตั้งนะโม ๓ จบ นึกถึงหลวงปู่โตแล้วตั้งอธิษฐาน