พระเกตุ บูชาพระเกตุประจำวันเกิด บูชาพระเกตุแก้ปีชง พระเกตุ12นักษัตร ประวัติความเป็นมาของพระเกตุ
บูชาพระเกตุ มีพลังลึกลับคอยช่วยเหลือ รอดพ้นภัยอันตรายได้อย่างอัศจรรย์ แก้และกันปีชงได้ผลดีนัก ผู้บูชาพระเกตุควรหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลถวายพระเกตุด้วยสม่ำเสมออย่าให้ขาดตกบกพร่องเช่นกัน ความเชื่อ และประสปการณ์ของ ผู้ห้อยบูชาพระเกตุ มักจะมีลางสังหรณ์แม่นยำ มีพลังลึกลับคอยช่วยเหลือ รอดพ้นภัยอันตรายได้อย่างอัศจรรย์แก้และกันปีชงได้ผลดีนัก เมื่อบูชาแล้วผู้บูชามักจะมีความมั่นคงในฐานะการเงิน ทรัพย์ สมบัติ ต่างๆจะมีความมั่นคงที่อยู่ที่กินจะมีไม่ขาดตกบกพร่อง สิ่งใดที่ขาดจะถูกเติมเต็มเข้ามาอย่างไม่คาดฝัน และถ้ามีความมั่นคงในชีวิตหรือชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ
คาถาบูชาพระเกตุ โอม ศรี ศรี เก-ตุ เทวา มหา สาธุ 9จบ
(หรือสวดอิติปิโส เท่าอายุ จะช่วยบรรเทาเคราะห์กรรมในวันนั้น)
พระเกตุ (เทวนาครี: พระเกตุ) เป็นเทวดานพเคราะห์องค์หนึ่ง ในคติไทย พระเกตุถูกสร้างขึ้นมาจากพระศิวะทรงนำพญานาค ๙ ตัว บดป่นเป็นผง ห่อผ้าสีทอง ประพรมด้วยน้ำอมฤต แล้วเสกได้เป็นพระเกตุ มีพระวรกายสีทอง ทรงเครื่องประดับด้วยทองคำและแก้วโกเมน ทรงพญานาคเป็นพาหนะ ประจำอยู่ทิศเบื้องกลาง บ้างก็ว่า พระเกตุเกิดจากหางของพระราหู เนื่องจากพระราหูแอบไปขโมยน้ำอมฤตที่เทวดาได้กวนไว้ดื่ม พระวิษณุโกรธจึงขว้างจักรตัดเอวพระราหู เดชะฤทธิ์น้ำอมฤต พระราหูจึงไม่ตาย และกลับไปยังวิมานเดิม หางที่ขาดนั้นเองก็กลายเป็นพระเกตุ ประจำอยู่ทิศเบื้องกลาง ให้ผลเป็นกลาง ๆ ในการพยากรณ์ จึงไม่นิยมพิจารณาพระเกตุมากนัก
สีที่พระเกตุท่านโปรดคือสีทอง สีขาว อาหารที่ท่านโปรดคือ ส้ม ผลไม้รสหวานทุกชนิด ผู้ปรารถนาการบูชาท่าน ควรกระทำพิธีไหว้ด้วยตนเองปีละครั้งเป็นอย่างต่ำ เดือนละครั้งเป็นอย่างมาก
พระเกตุครึ่งนาคหัวขาดแบบฮินดู
ในคติฮินดู พระเกตุ เป็นน้องชายของพระราหู ที่เกิดจากท้าววิประจิตติ กับนางสิงหิกา แต่ส่วนมากนิยมว่า พระเกตุเป็นส่วนลำตัวของพระราหูที่ถูกจักรตัดออกไป พระราหูจึงมีแต่หัว ส่วนพระเกตุมีแต่ลำตัวที่ไม่มีหัว บ้างก็ว่าพระศุกร์ได้นำนาคมาผ่าเป็น ๒ ส่วน เพื่อมาต่อให้ราหูและเกตุ พระราหูมีหัวเป็นอสูรตัวเป็นเทพนาค พระเกตุมีหัวเป็นเทพนาคตัวเป็นอสูร
ลักษณะของพระเกตุ ในคติไทย เป็นเทพบุรุษมีกายสีทอง มี ๒ กร ทรงพระขรรค์เป็นอาวุธ สวมมงกุฎยอดชัย สวมอาภรณ์สีทอง ทรงเครื่องประดับด้วยทองคำและแก้วโกเมน ทรงพญานาคเป็นพาหนะ ในคติฮินดู เป็นเทพอสูรมีกายสีส้มทองดังดอกทองกวาว กายใหญ่ มีเศียรใหญ่ นัยน์ตาสีแดงเลือด บ้างก็ว่าสีน้ำตาล มี มี ๔ กร ทรงธง คทา ดาบ โล่ฯลฯ สวมมงกุฎทองคำ มีรัศมีสีแดง สวมอาภรณ์สีทองและสีแดง ทรงเครื่องประดับด้วยทองคำและแก้วโกเมน ทรงนกอินทรีเป็นพาหนะ บ้างก็วาดพระเกตุเป็นครึ่งอสูรครึ่งนาค บ้างก็วาดพระเกตุเป็นครึ่งอสูรครึ่งนาค แต่หัวขาด พระเกตุยังมีนามอื่นๆอีก อาทิ เช่น พระโฆระ,พระสถูลศิระ,พระธวชากฤติ,พระมหาภีติกร,พระจิตรวรรณ,พระรักตเนตร,พระมหาสูร,พระกรูระกัณฐ์,พระโกรธนิธิ,พระอันตยเคราะห์,พระคทาปาณี,พระมันทสขา ฯลฯ
ในโหราศาสตร์ไทย พระเกตุถูกแทนด้วยสัญลักษณ์ ๙ (เลขเก้าไทย) มีอัตราการจรในแต่ละราศีประมาณสองเดือนโคจรย้อนจักรราศีเช่นเดียวกับราหู แต่ไม่ได้เล็งกับราหูตลอดเวลาเช่นทางสากลและอินเดีย โดยในส่วนของเกตุมีความสัมพันธ์กับจันทร์ จึงเป็นปัจจัยที่มีความหมายที่คล้ายกับจันทร์ส่วนหนึ่งคือความหวั่นไหว อ่อนไหวได้ง่าย แต่ว่าเป็นขั้นสูงของจันทร์ที่ละเอียดกว่า จึงแทนด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่รับรู้ได้ด้วยใจ และเมื่อเกตุไปกุมกับดาวเคราะห์ใดๆ จะทำให้ดาวนั้นเพิ่มการตอบสนองจากการถูกกระทบมากขึ้น เช่นการเกิดอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์อันเกิดจากดาวที่จรมากระทบได้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมีสิ่งที่เกิดดุจดังเลข ๙ ที่มีลักษณ์ที่ดุจดังน้ำหรือเปลวไฟที่มีอาการสั่นไหวนั่นเอง
พระเกตุเมื่อเทียบกับความเชื่อทางตะวันตกแล้ว เทียบได้กับโพไซดอนตามเทพปกรณัมกรีก และเนปจูนตามเทพปกรณัมโรมัน
ส่วนเกตุทางสากลและอินเดียคือจุดตัดของวงโคจรโลกรอบดวงอาทิตย์ตัดกับดวงจันทร์โคจรรอบโลก คือช่วงที่เป็นจุดตัดที่มีทิศทางการโคจรของดวงจันทร์จากที่อยู่ทิศใต้ของเส้นวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์กำลังเดินขึ้นไปทางทิศเหนือของเส้นวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์
สำหรับผู้ที่ไม่ทราบวันเกิด หรือทราบวันเกตุ บูชาพระเกตุ
พระเกตุเป็นเทพนพเคราะห์ที่มีเลข ๙ เป็นสัญลักษณ์ประจำตัว และมีศรัทธาในพระพุทธรูปปางสะดุ้งมารโดยลักษณะเด่นของพระองค์คือ
1. พระเกตุท่านเป็นเทพนพเคราะห์องค์เดียวที่ไม่มีวันสถิต แต่มนุษย์จะถือเอาวันที่มีดาวหางมาเป็นวันของพระองค์ อันเป็นเหตุให้พระองค์เป็นเทพแห่งดาวหางและคอยคุ้มครองผู้คนที่เกิดในช่วงเวลาที่มีดาวหางมา (ถือกันว่าหางของดาวหางเปรียบเสมือนสัญลักษณ์หรือตัวแทนของพระเกตุ เพราะเดิมทีพระองค์คือร่างกายส่วนหางของพระราหู เพราะพระราหูมีลำตัวท่อนล่างเป็นกายของพญางูใหญ่)
2. พระเกตุมีกำเนิดมาจากการสังหาร เพราะท่านเกิดจากเจตนารมณ์ของพระนารายณ์ที่ต้องการสังหารพระราหู แต่กลับกลายเป็นทำให้ท่านได้เกิดขึ้นมาจากท่อนหางของพระราหูที่ได้รับพลังแห่งน้ำอมฤตไป
3. พระเกตุท่านเป็นเทพนพเคราะห์ที่มีพลังแห่งปาฏิหาริย์ จึงสามารถคุ้มครองคนได้หมดทุกคนโดยไม่สนใจว่าคนๆนั้นจะเกิดวันอะไร ซึ่งพระองค์จะคอยรับหน้าที่ในการคุ้มครองผู้คนที่ชะตาโคจรมาตกในภูมิตากลาง (อันไม่มีเทพองค์อื่นคุ้มครอง)
4. พระเกตุด้วยพลังแห่งปาฏิหาริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่มี ท่านจึงสามารถทำเรื่องที่เป็นไปได้ให้เป็นไปได้ หรือทำเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากให้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ท่านจึงมีฉายาหรือชื่อเล่นว่า “ เทพยดาบังเอิญ ” (เท่ากับ Wonder Angel ของทางตะวันตก)
5. พระเกตุด้วยพลังแห่งปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่ของท่าน ทำให้ท่านมีพลังอันยิ่งใหญ่เหนือกว่าเทพนพเคราะห์อันเป็นดาวเคราะห์ทั้งหลาย หรือพูดง่ายๆก็คือท่านจะด้อยกว่าเพียงแค่พระอาทิตย์เท่านั้น หากในทางกลับกันท่านก็ไม่มีจุดอ่อนแบบพระอาทิตย์ คือไม่แพ้พระราหูประการหนึ่ง และไม่มีเงื่อนไขการสถิตรักษาในตัวคนอันเกิดขึ้นได้ยากยิ่งอย่างพระอาทิตย์อีกประการหนึ่ง
โดยกำเนิดพระเกตุเทพนั้นมีเหตุมาจากการที่พระอินทร์และเหล่าเทพต้องคำสาปของฤษีทุรวาสจนหมดสิ้นเรี่ยวแรง ไม่อาจรบกับพวกอสูรได้ จึงต้องมีการชักนาคดึกดำบรรพ์กวนเกษียรสมุทรเพื่อทำน้ำอมฤตมาให้เหล่าเทพดื่มจะได้ไม่มีวันตาย และแก้คำสาปของฤษีทุรวาสไปพร้อมๆกัน ซึ่งในขณะนั้นเหล่าเทพทั้งหลายต้องฤทธิ์คำสาปของฤษีทุรวาสจนไม่มีแรงพอจะกวนเกษียรสมุทรได้โดยลำพัง จึงทำอุบายไปตกลงกับเหล่าอสูรว่าหากพวกอสูรมาช่วยการทำพิธีชักนาคดึกดำบรรพ์และกวนเกษียรสมุทรแล้ว พวกตนจะแบ่งน้ำอมฤตให้ แล้วเหล่าเทพก็ได้ใช้อุบายอันแยบยลเอาเปรียบและตัดกำลังเหล่าอสูรมากมาย เช่นให้อสูรชักนาคอยู่ข้างหัว เพราะเมื่อพญานาครู้สึกหงุดหงิดที่ถูกเทพและอสูรดึงหัวดึงหางนานเกินไป ก็จะพ่นพิษออกมาใส่เหล่าอสูรซึ่งอยู่ข้างหัว ทำให้พวกอสูรต้องพิษพญานาคจนหมดแรงและล้มป่วยไปตามๆกัน มีเพียงพระราหูเท่านั้นที่มองแผนการแยบยลของเหล่าเทพออก จึงได้แปลงกายเป็นเทวดาแล้วมาชักนาคอยู่ฝั่งเดียวกับเหล่าเทพ และเมื่อเหล่าเทพฉวยโอกาสที่เหล่าอสูรกำลังนอนหมดแรงเพราะพิษนาคเข้าไปชิงดื่มน้ำอมฤตก่อน พระราหูก็ได้เข้าไปร่วมดื่มน้ำอมฤตด้วย แต่ก็ถูกพระจันทร์กับพระอาทิตย์เทพจับได้ว่ามิใช่เทพโดยแท้จริง เทพทั้งสองจึงได้ไปฟ้องพระนารายณ์ พระนารายณ์จึงรีบขว้างจักรมาสังหารพระราหู เพราะไม่ต้องการให้มีอสูรที่เป็นอมตะเกิดขึ้นมาในไตรโลก แต่ก็สายไปเสียแล้วน้ำอมฤตได้มอบความเป็นอมตะให้แก่พระราหู จนถึงแม้จักรของพระนารายณ์จะตัดร่างของพระราหูจนขาดออกไปเป็นสองส่วน พระราหูก็ยังไม่ตาย และร่างกายท่อนล่างของพระราหูที่ขาดออกไปก็ได้ถือกำเนิดเป็นเทพบุตรองค์ใหม่ ซึ่งก็คือพระเกตุนั่นเอง และนับจากนั้นมาพระราหูก็ผูกใจเจ็บพระจันทร์กับพระอาทิตย์เรื่อยมาที่เป็นต้นเหตุให้ตนมีกายเหลือเพียงครึ่งเดียว เมื่อพบเจอพระจันทร์หรือพระอาทิตย์ที่ใดก็จะจับอมบ้าง จับหนีบรักแร้บ้างทำให้เกิดเป็นสุริยคราสและจันทรคราสตราบจนทุกวันนี้ ส่วนพระเกตุซึ่งกำเนิดใหม่มาในโอกาสนั้น ก็ได้เข้าร่วมเป็น ๑ ในเทพนพเคราะห์คอยคุ้มครองผู้คนทั้งหลาย และคอยมอบปาฏิหาริย์อันไม่คาดฝันให้แก่ผู้คนเหล่านั้น
คาถาบูชาพระเกตุ อีกบท
ตั้งนะโม 3 จบ
มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เต ชะยะมังคะลังฯ ชะยันโต โพธิยา มูเล สักยานัง นันทิวัฑฒะโน
เอวัง ตวัง วิชะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล อะปะราชิตะปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร
อะภิเสเก สัพพะพุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะติฯ สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฎฐิตัง
สุกขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัหมะจาริสุ ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง
ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธี เต ปะทักขิณา ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณฯ
โส อัตถะลัทโธ สุขิโต วิรุฬโห พุทธะสาสะเน อะโรโค สุขิโต โหหิ สะหะ สัพเพหิ ญาติภิ
สา อัตถะลัทธา สุขิตา วิรุฬหา พุทธะสาสะเน อะโรคา สุขิตา โหหิ สะหะ สัพเพหิ ญาติภิ
เต อัตถะลัทธา สุขิตา วิรุฬหา พุทธะสาสะเน อะโรคา สุขิตา โหถะ สะหะ สัพเพหิ ญาติภิฯ