พระพุทธรูปปางมหาภิเนษกรมณ์ องค์ปางมหาภิเนษกรมณ์พระโพธิสัตว์เจ้าชายสิทธัตถะทรงม้ากัณฐกะ
ปางมหาภิเนษกรมณ์ เป็นรูปพระโพธิสัตว์เจ้าชายสิทธัตถะทรงม้ากัณฐกะ มีนายฉันนะเกาะหลังม้าตามเสด็จ ขาม้าทั้ง 4 ขา มีท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ประจำอยู่ นำพระองค์เหาะข้ามกำแพงพระนครออกไปด้วยปาฏิหาริย์

ประติมากรรมพุทธประวัติปางมหาภิเนษกรมณ์ วัดไผ่โรงวัว จังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าชายสิทธัตถะทรงม้ากัณฐกะ มีนายฉันนะ เกาะหลังม้าตามเสด็จ ขาม้าทั้ง 4 ขา มีท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ ประจำอยู่

ซึ่งเป็นรูปพระโพธิสัตว์ทรงเครื่อง เจ้าชายสิทธัตถะกุมาร ได้ทรงครองราชสมบัติตราบเท่าพระชนมายุ 29 พรรษา เมื่อถึงวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะได้เสด็จทอดพระเนตรเห็นบรรพชิต ในขณะที่กำลังเสด็จประพาสอุทยาน ทรงพอพระทัยในเพศบรรพชา เมื่อเสด็จกลับยังปราสาท ทรงบรรทมบนพระแท่นครู่หนึ่งก็ตื่นบรรทมเมื่อเวลาเที่ยงคืน

เจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อพระองค์ทรงได้รับคำทำนายจากดาบสและพราหมณ์ผู้เชี่ยวชาญในพระเวทว่าจะเสด็จออกบรรพชา และตรัสรู้ธรรมเป็นศาสดาเอกของโลก เมื่อทรงเจริญวัย ทรงศึกษาศิลปศาสตร์ 18 ประการจนสำเร็จ ทรงอภิเษกกับพระนางพิมพา และมีพระโอรสพระนามว่า ราหุล เจ้าชายสิทธัตถะทรงและได้นิมิตเห็นเทวทูตทั้ง 4 จึงตระหนักถึงทุกข์จากความแก่ ความเจ็บ ความตาย ซึ่งย่ำยีสรรพสัตว์โดยไม่ยกเว้น จึงทรงตัดสินพระทัยเสด็จหนีออกบรรพชา โดยเสด็จขึ้นหลังม้ากัณฐกะและมีนายฉันนะตามเสด็จ

ในครานั้น จึงเสด็จทรงอัศวราช ชื่อกัณฐกะ มีสีขาวเหมือนสีสังข์ โดยโปรดให้มหาดเล็กชื่อ ฉันนะ ตามเสด็จออก มหาภิเนษกรมณ์ ขณะถึงพระทวารใหญ่ มารได้ทูลพระมหาสัตว์ว่า " ข้าแต่มหาวีระ อย่าเสด็จเลย อีก 7 วัน ทิพยจักรรัตนะ ก็จะปรากฏแก่พระองค์แล้ว " พระองค์ตรัสตอบว่า " มาร ข้ารู้แล้วว่า จักรรัตนะจะเกิดขึ้น แต่ข้าไม่ต้องการราชสมบัติ หลีกไปเถิดมาร ข้าจะเป็นพระพุทธ เป็นผู้นำพิเศษบันลือ แปทั่วหมื่นโลก " แล้วมารก็หายตัวไป