พระพุทธรูปปางตัดพระเมาลี พระประวัติพระพุทธรูปปางตัดพระเมาลี พระโพธิสัตว์ปางทรงตัดเมาลี

พระพุทธรูปปางตัดพระเมาลี การสร้าง"พระพุทธรูปปางตัดพระเมาลี"ตามประติมากรรมพุทธประวัติปางตัดพระเมาลี (มวยผม) วัดไผ่โรงวัว จังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าชายสิทธัตถะอยู่ในพระอิริยาบถประทับ (นั่ง) บนพระแท่นพระหัตถ์ซ้ายทรงรวบพระเมาลีไว้ พระหัตถ์ขวาทรงพระขันค์ทำอาการทรงตัดพระเมาลี มีนายฉันนะและม้ากัณฐกะอยู่ด้านหลัง
พระพุทธรูปปางนี้ อยู่ในพระอิริยาบถประทับนั่งบนพระแท่น พระหัตถ์ซ้ายทรงรวบพระเมาลีอันยาวไว้ พระหัตถ์ขวาทรงถือพระขรรค์ ทำอาการทรงตัดพระเมาลี มีนายฉันนะและม้ากัณฐกะอยู่ด้านหนึ่ง และอีกด้านหนึ่งเป็นรูปพระอินทร์พระพรหม (ฆกิการพรหม) และเหล่าเทพยาดาถือบาตร ผ้าทรงและพานสำหรับรองรับพระเมาลี
ความเป็นมาของปางตัดพระเมาลี
เจ้าชายสิทธัตถะทรงเห็นว่าพระเมาลีไม่สมควรแก่เพศบรรพชิต จึงทรงตัดออกด้วยพระองค์เอง หลังจากนั้นพระเกศาก็ปรากฏยาวประมาณ ๒ องคุลี ม้วนกลมเป็นทักขิณาวัฏ (เวียนขวา) ทุกๆเส้น และคงอยู่อย่างนั้นตราบถึงดับขันธปรินิพพาน แล้วทรงจับพระเมาลีขว้างขึ้นไปบนอากาศ อธิฐานว่า "ถ้าจะได้ตรัสรู้ ก็ให้พระเมาลี จงตั้งอยู่ในอากาศ อย่าได้ตกลงมา แม้นมิได้ตรัสรู้สมความประสงค์ ขอให้พระเมาลีตกลงสู่พื้นพสุธา" พระเมาลีนั้นได้ประดิษฐานลอยอยู่บนอากาศสูงประมาณ ๑ โยชน์ ท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) อัญเชิญพระเมาลีไปบรรจุไว้ในพระจุฬามณีเจดีย์ในสวรรคชั้นดาวดึงส์ ฆฏิการพรหมได้นำเครื่องอัฐบริขาร คือสิ่งจำเป็นสำหรับบรรพชิตมาน้อมถวาย แล้วอัญเชิญพระภูษาเมื่อครั้งเป็นคฤหัสถ์ไปบรรจุไว้ ณ ทุสเจดีย์ในพรหมโลก

ครั้งนั้น พระสิทธัตถะได้เสด็จออกจากพระนครไปแล้วพญาวัสวดีมารเข้ามาขัดขวางการเสด็จของพระองค์ แล้วทูลว่าราชสมบัติจะเป็นของท่านภายใน ๗ วันนี้แล้ว โปรดรอก่อนอย่าด้วนเสร็จบรรพชาเลย พระสิทธัตถะบรมโพธิสัตว์จึงตรัสตอบไปว่า เราทราบแล้ว สมบัติจักรพรรดิ์นั้นไม่ทำให้เราพ้นทุกข์ได้เลย ท่านจงหลีกไปเถิด เมื่อพญาวัสวดีมารหายไปแล้วพระองค์ก็ได้เสด็จเดินทางต่อไป ๓๐ โยชน์ (๔๘๐) กม.) ในคืนเดียวผ่านรัฐต่างๆ ๓รัฐคือ กบิลพัสดุ์ สาวัตถี และเวสาลี บรรลุถึงแม่น้ำอโนมานที ครั้นแล้วพระองค์จึงทรงเปลื้องพระภูษาเครื่องทรงของขัตติยกษัตริย์ออก มอบให้นายฉันนะผู้ติดตามนำกลับไปยังพระนครกบิลพัสดุ์พร้อมกับม้ากัณฐกะ แล้วพระองค์ก็ทรงตั้งมั่นในพระหฤทัยที่จะบรรพชา จึงทรงรวบพระเมาลียาวด้วยพระหัตถ์ซ้าย พระหัตถ์ขวาทรงจับพระขรรค์ยกขึ้นตัดพระเมาลีที่ทรงรวบไว้นั้นให้ขาดออก แล้วซัดพระเมาลีนั้นขึ้นไปบนอากาศ ทันใดนั้น ท้าวสักกเทวราชจึงเอาผอบทองมารองรับ อัฐเชิญไปประดิษฐานบรรจุไว้ ณ พระจุฬามณีเจดียสถานในเทวโลก ส่วนพระองค์บรมโพธิสัตว์ ครั้นทรงตัดพระเมาลีแล้ว จึงทรงอธิษฐานเพศเป็นบรรพชิต ซึ่งมีหมู่อมรเทพและท้าวมหาพรหมเรียงรายถวายความเคารพ น้อมถวายสมณบริขาร คือ บาตรและผ้ากาสาวพัสตร์ แล้วทรงรับเครื่องบริขารเหล่านั้นมาครองเพศเป็นบรรพชิต

