พระพุทธรูปปางทรมานพระยามหาชมพู พระพุทธรูปทรงเครื่อง หรือ พระพุทธรูปปางปราบพระยาชมภู (หรือปางโปรดพญาชมพูบดี)
ปางทรมานพระยามหาชมพู (หรือปางโปรดพญาชมพูบดี) เป็นพระพุทธรูปอยู่ในอิริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาวางคว่ำบนพระชานุ (เข่า) ทรงเครื่องต้นอย่างพระมหากษัตริย์
ประวัติ
พญาชมพูบดีผู้มีฤทธิ์เดชมาก มีความริษยาพระเจ้าพิมพิสาร เพราะทรงมีปราสาทงดงามกว่าปราสาทของพระองค์ จึงมารุกรานข่มเหง จนพระเจ้าพิมพิสารต้องหนีไปพึ่งพระบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงเนรมิตพระองค์เองเป็นพระเจ้าราชาธิราชที่งดงามดุจท้าวมหาพรหม และรับสั่งให้ท้าวสักกเทวราชแปลงเป็นราชทูตไปทูลเชิญพญาชมพูบดีมา พญาชมพูบดีตกตะลึงในความงดงามและความยิ่งใหญ่แห่งพระนครของพระราชาธิราช พระพุทธองค์ทรงให้โอกาสพญาชมพูบดีแสดงอิทธิฤทธิ์ แต่ก็พ่ายต่อพระพุทธองค์ จึงทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับคืนสู่สภาพเดิมและทรงแสดงธรรมโปรด จนพญาชมพูบดีเบื่อหน่ายในราชสมบัติอันไม่ยั่งยืน ทูลขออุปสมบท พระพุทธองค์ทรงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาแก่พญาชมพูบดี
พระพุทธรูปทรงเครื่องเป็นปางหนึ่งของ พระพทธรูป เรียกว่า "ปางทรมานพระยาชมภู" หรือ "ปางปราบพระยาชมภู" พระพุทธรูปปางนี้มีความเป็นมาจากเรื่องเล่าในพุทธประวัติตอนหนึ่งว่า สมัยเมื่อพระบรมศาสดาเสด็จประทับสำราญพระอิริยาบถอยู่ในพระเวฬุวันมหาวิหาร ซึ่งพระเจ้าพิมพิสารทรงสร้างถวาย

ครั้งนั้นยังมีพระยาชมพูบดี ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์มีบุญญาธิการและฤทธานุภาพมาก ได้กรีธาทัพรุกรานเพื่อนบ้านใกล้เคียงตลอดจนพระเจ้าพิมพิสารอยู่เสมอตลอดมา พระเจ้าพิมพิสารจึงไปเฝ้าพระบรมศาสดาที่เวฬุวัน ขอพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง เรื่องจะต่อกรด้วยพระยานั้นเห็นจะไม่มีทาง พระพุทธเจ้าทรงเล็งเห็นว่าจะทรงโปรดพระยามหาชมภูได้ จึงทรงนิมิตพระเวฬุวันมหาวิหารให้เป็นดังดุจเมืองสวรรค์และทรงเนรมิตพระองค์เองเป็นเจ้าราชาธิราช ทรงเครื่องราชาภรณ์ครบทุกประการ จึงดำรัสให้พระอินทร์แปลงเป็นราชทูตไปเชิญพระยาชมภูมาเฝ้า ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร ทรงแสดงธรรมโปรดจนพระยาชมภูหมดทิฐิมานะ ขอบรรพชาอุปสม บทพร้อมพระมเหสีและราชโอรส

พระพุทธรูปปางปราบพระยาชมภู ก็คือพระที่สร้างเป็นพระทรงเครื่องราชาภรณ์ สร้างเป็นพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรหรือปางห้ามญาติ หรือทำเป็นพระประทับนั่งปางมารวิชัย หรือปางสมาธิก็ตามที่ทรงเครื่องสวมมงกุฎด้วยเครื่องขัตติยราชครับ พระพุทธรูปทรงเครื่องมีมาตั้งแต่สมัยศรีวิชัย ลพบุรี ตลอดมาจนถึงรัตนโกสินทร์ อย่างเช่นพระพุทธรูปลพบุรี ประทับนั่งหรือประทับยืน ทรงจีโบ ทรงเทริด รัดแขน รัดเกล้า คล้องสร้อยพระศอ นุ่งผ้าจีบประดับด้วยลวดลายงดงามนั้นหรือแม้แต่พระเครื่อง เช่น พระร่วงหลังลายผ้า พระร่วงหลังรางปืน หรือแม้แต่พระที่เรียกว่าพระยอดขุนพล ล้วนแต่สร้างตามนัยดังกล่าวทั้งสิ้น พระพุทธรูปในสมัยอยุธยา เช่น พระพุทธรูปทรงเครื่องน้อย หรือพระพุทธรูปที่มักเรียกกันว่า พระอยุธยาหูตุ้ม พระพิมพ์ เช่น พระโคนสมอพิมพ์ต่างๆ พระพุทธรูปในยุครัตนโกสินทร์ที่มักเรียกกันว่าพระรัตนฯ ก็เช่นกันล้วนสร้างตามคตินี้ทั้งสิ้น
ลักษณะพระพุทธรูป
พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญบรมไตรโลกนาถ หรือพระพุทธนิมิต วัดหน้าพระเมรุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระพุทธรูปปางทรมานพญาชมพูบดี (โปรดพระยาชมพูบดี) ศิลปะอยุธยา บางครั้งเราจะเห็นว่าเป็นพระทรงเครื่องแบบพระมหากษัตริย์สมัยโบราณ ทรงชฎา คล้องสังวาลประดับทับ ทรวงตรงหว่างพระอุระ รัดเกล้า รัดแขน เป็น ต้น และส่วนมากเรียกกันว่าพระทรงเครื่อง
พระพุทธรูปปางปราบพระยาชมภู ที่เป็น พระประธานที่งดงามมากในสมัยอยุธยา ที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ และมีศิลปะที่งดงามมากนั้นก็อยู่ที่วัดหน้าพระเมรุฯ จังหวัดพระนครศรี อยุธยาครับ ใกล้ๆ กทม.นั่นเอง วันไหนว่างๆ ก็ลองขับรถไปเที่ยว กินอาหารอร่อยๆ ที่จังหวัดนี้ และแวะกราบพระประธานที่สำคัญๆ อีกหลายๆ วัด แล้วก็อย่าลืมไปไหว้พระพุทธนิมิตรวิชิตมารโมลีศรีสรรเพ็ชรบรมไตรโลกนาถ ที่เป็นพระประธานปางปราบพระยาชมภูที่สวยงามที่สุดในประเทศไทย