พระพุทธรูปประจำปีชวด ปางโปรดอาฬวกยักษ์ พระพุทธรูปประจำปีเกิด พระประจำปีเกิด บูชาพระประจำวันเกิด

พระพุทธรูปประจำปีชวด ปางโปรดอาฬวกยักษ์ อรรถกถา ขุททกนิกาย สุตตนิบาต อุรควรรค
พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบทประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายอยู่บนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ (อก) จีบนิ้วพระหัตถ์ เป็นกิริยาทรงแสดงธรรม เป็นลักษณะเดียวกับปางปฐมเทศนา บางแบบพระหัตถ์ซ้ายวางบนพระชานุ (เข่า)

พระพุทธรูปปางนี้ คงไม่แพร่หลายนัก แต่เรื่องค่อนข้างแพร่หลาย เพราะเป็นตอนหนึ่งของพุทธชัยมงคล ๘ ประการของพระพุทธเจ้า พระพุทธรูปอยู่ในพระอิริยาบถนั่งสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางที่ พระชานุ พระหัตถ์ขวายกขึ้นเสมอพระอุระ จีบนิ้วพระหัตถ์เป็นท่า แสดงธรรม
ครั้งหนึ่งเจ้าผู้ครองนครอาฬวี ชอบล่าสัตว์เป็นกิจวัตร วันหนึ่งพลัดหลงเข้าไปพักใต้ต้นไทรซึ่งเป็นเขตหวงห้ามของอาฬวกยักษ์ ถูกยักษ์จับไว้เพื่อกินเป็นอาหาร จึงขอให้ปล่อยตัวกลับและสัญญาจะส่งคนมาให้กินวันละหนึ่งคน เมื่อนักโทษหมดก็ส่งเด็กให้วันละคน ต่อมาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบด้วยพระญาณ จึงได้เสด็จไปยังที่อยู่ของอาฬวกยักษ์ แล้วแสดงธรรมโปรดจนอาฬวกยักษ์ได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นพระโสดาบัน

ป่าทึบแห่งหนึ่งใกล้เมืองอาฬวี มียักษ์กินคนอาศัยอยู่ วันหนึ่งพระเจ้า กรุงอาฬวี ไปล่าสัตว์พลัดหลงกับข้าราชบริพารเข้าป่าทึบไปพระองค์ เดียว ถูกยักษ์นามว่าอาฬวกะจับไว้ พระเจ้ากรุงอาฬวี จึงขอร้องให้ ยักษ์ปล่อยไปเถอะ ถ้าปล่อยไป จะหาคนมาให้ยักษ์กินวันละคน ยักษ์ จึงปล่อยตัวไป พระเจ้ากรุงอาฬวีรักษาสัญญา ส่งนักโทษไปวันละคน จนกระทั่งหมดคุก ก็สั่งให้อำมาตย์ดักจับลูกเด็กเล็กแดงใครก็ได้ส่งไป ให้ยักษ์
พระพุทธเจ้าทรงทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยพระญาณ จึงเสด็จไป ยังที่อยู่ของอาฬวกยักษ์ ด้วยพุทธานุภาพ ยักษ์มีจิตใจอ่อนโยนลง แล้ว พอจะรับฟังเหตุผลได้ พระพุทธองค์จึงทรงค่อยๆ สอนทีละ นิดๆ ให้ยักษ์ สะกิดใจคิด ยักษ์พิจารณาตามพระพุทธดำรัส เห็นจริง ตามนั้นด้วย จึงยอมขอขมาพระพุทธองค์ที่ได้ล่วงเกิน แล้วเปล่ง วาจาถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต

พระบรมศาสดาทรงรับพระกุมาร แล้วตรัสอนุโมทนาแก่อาฬวกยักษ์ และทรงอวยพรแก่พระราชกุมาร พร้อมกับประทานคืนให้อำมาตย์ นำพระราชกุมารกลับพระนครเพื่อถวายพระเจ้าอาฬวี ครั้นอำมาตย์นำพระราชกุมารกลับนครแล้ว เกียรติศัพท์เกียรติคุณพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ฟุ้งขจรไปทั่วว่า พระผู้มีพระภาคทรงพระกรุณาเสด็จมาระงับภัยพิบัติแก่พระนครอาฬวี ชาวเมืองทั้งสิ้นต่างก็มีความปีติยินดี พากันจัดเครื่องสักการะต่าง ๆ นำไปบูชา ขณะนั้นพระบรมศาสดาทรงพระกรุณาพาอาฬวกยักษ์มาพระนครอาฬวีพอถึงสถานที่ครึ่งทางสัญจร ก็พบชาวพระนครมีพระเจ้าอาฬวีเป็นประมุขน้อมนำสักการะมาเฝ้าถวายอภิวาท สมเด็จพระบรมโลกนาถก็ทรงหยุดประทับรับสักการบูชาพร้อมกับทรงพระกรุณาประทานพระธรรมเทศนาโปรด ให้ชาวเมืองเห็นทุกข์เห็นโทษในเบญจกรรม และทรงให้ชาวพระนครตั้งอยู่ในกัลยาณธรรมตามสมควรแก่วิสัย ประทานธรรมให้เป็นสมบัติทั่วไปแก่ชาวนครอาฬวี ปลุกให้เกิดความเมตตาปรานีกันทั่วหน้าทั้งให้ชาวเมืองนับถือบูชาอาฬวกยักษ์ประหนึ่งว่า เป็นเทพารักษ์หลักพระนคร ครั้นประทานธรรมคุณากรสิ้นเสร็จ พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จนิวัตนาการ กลับคืนพระเชตวันมหาวิหาร
